JAPAN TENT
เคยได้ยินชื่อโครงการนี้มานานแล้ว ตั้งแต่ตอนไปแลกเปลี่ยนเพราะมีเพื่อนเคยไป
ได้มาเรียนป.โท แล้วช่วงหน้าร้อนเดือนส.ค. 54 ก็เห็นโปสเตอร์แปะอยู่ที่มหาลัย เลยลองสมัครไป
ปรากฏว่าได้แฮะ ไม่รู้มีเกณฑ์การตัดสินยังไง จริงๆ น่าจะให้คนที่ไม่ค่อยรู้ญี่ปุ่นไปมากกว่ารึป่าว
แต่ก็ดีใจที่ได้ เพราะว่าโครงการสนุกมาก และได้เพื่อนเยอะ บางคนยังติดต่ออยู่เลย
รายละเอียดโครงการ https://www.facebook.com/japantent
ใกล้ๆ น่าจะมีประกาศรับสมัครผ่านเว็บ และมีติดตามมหาลัยต่างๆ ด้วย
อ่อ โครงการนี้ฟรีทุกอย่างนะ รถจาก Tsukuba มา Tokyo ยังฟรีเลย
พวกค่ากินค่าโฮมสเตย์ก็ฟรี
เมืองในจังหวัด Ishikawa ที่ร่วมกิจกรรมก็มีหลายเมือง มีหลายกิจกรรม
ที่เราไปมี Komatsu,Kanagawa และ Uchinada และมีโฮมสเตย์สองบ้าน
ตอนแรกจะมีพิธีเปิดที่ Kanazawa ก่อนแล้วก็แยกย้ายกันไปแต่ละเมือง
Komatsu
http://www.city.komatsu.lg.jp/
ที่แรกคือที่เมือง Komatsu จำได้ว่านั่งรถไปอีกพอสมควร และเหนื่อยจากการนั่งรถมาก
ไปถึงก็ไปที่ฮอลล์ เขาให้แนะนำตัว แล้วจะมีโฮสต์มาเรียกไป
โฮสต์เราเป็นคนจัดงาน Japan Tent ก็ยุ่งๆ หน่อย มารับเราเป็นคนท้ายๆ
บ้านโฮสต์ก็เป็นบ้านสไตล์ญี่ปุ่นๆ มีสองชั้น เราได้พักชั้นสอง มีหมาด้วย
โฮสต์มีลูกสาวคนนึง ตอนนั้นไปเที่ยวอยู่ แต่กลับมาวันสุดท้าย
กิจกรรมที่ Komatsu
-เพนท์สีลงกระเบื้อง
-ไปวัด Natadera http://www.natadera.com/
-ยิงธนูญี่ปุ่น
-เขียนพู่กันลงพัด
-บาร์บีคิวบ้านโฮสต์ ไปเที่ยวบ้านเพื่อนโฮสต์ ไปใส่กิโมโนด้วย
-Small world in Komatsu กิจกรรมวันสุดท้าย แต่ละบ้านก็มาจัดซุ้มอาหาร
ได้ใส่ยูกาตะด้วย มีเต้นรำวงแบบญี่ปุ่นๆ มีตีโมจิ
Uchinada
http://www.town.uchinada.lg.jp/webapps/www/index.jsp
ตอนแรกไปถึงก็มีไปชงชาก่อน แล้วก็ไปห้องที่โฮสต์มารับ คราวนี้อยู่กับคนฮ่องกงด้วย
เมืองนี้เป็นเมืองที่ติดทะเล จากบ้านโฮสต์ก็เดินไปทะเลได้ บรรยากาศดีมากๆ
โฮสต์แก่พอควรแล้ว เป็นเจ้าของโรงพิมพ์ มีลูกสาวสองคนแต่งงานแล้วทั้งคู่
ลูกสาวคนโตห้าวๆ หน่อย อยู่ใกล้บ้าน มีลูกสาวที่คล้ายๆ ทอม และลูกชายที่มาร่วมกิจกรรมด้วย
ลูกสาวคนรองอยู่ไกลออกไป มีลูกสาวอยู่ม.ปลายแล้ว บางวันมาค้างด้วย แล้วก็มีลูกชายม.ต้น
กิจกรรมที่ Uchinada
-บาร์บีคิวที่บ้านโฮสต์ โฮสต์แม่ระบำฮาวายให้ดูด้วย
-ทำว่าว และไปเล่นกลางสนาม
-ไปที่สำหรับคู่รัก http://www.town.uchinada.lg.jp/webapps/www/index.jsp
-ทำและเล่นไพ่คารุตะ
-ทำที่รองแก้ว
Kanazawa
เป็นที่เปิดปิดงาน คืนวันสุดท้ายมีงานใหญ่ ให้นักเรียนต่างชาติไปแสดง ฯลฯ
มีของกิน แต่ฝนดันตกหนักเลย
มา Kanazawa ครั้งนี้ โฮสต์ก็พาไปเที่ยวด้วย พวกสวน Kenrokuen และ Higashiyama
เราเคยมาก่อนหน้านี้แล้ว จะเขียนรายละเอียดไว้อีกโพสต์ละกัน
สรุปว่ากิจกรรมนี้เป็นกิจกรรมดีมาก ได้มาเห็นวิถีชีวิตคนญี่ปุ่นนอกเมือง
เห็นความสามัคคีของเพื่อนบ้าน ได้เห็นธรรมชาติสวยๆ และทำกิจกรรม เจอเพื่อนใหม่
ได้เจอโฮสต์ ตอนจากกันน้องร้องไห้เลย เราก็ตกใจเหมือนกัน
ต้องขอบคุณคนจัดกิจกรรมดีๆ อย่างนี้จริงๆ
วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558
[GUNMA] ฝ่าหิมะแช่ออนเซ็นที่ Kusatsu
ทริปนี้ไปตอนเดือนม.ค.ปี 56 กับนักเรียนต่างชาติด้วยกันในคอร์ส
ไม่ค่อยมีรายละเอียดเรื่องการเดินทางเพราะขับรถกันไป และส่วนใหญ่หลับ
ตอนขาไปโชคดีอากาศดีได้เห็นฟูจิบนทางด่วนด้วย
Kusatsu Onsen
http://www.kusatsu-onsen.ne.jp/
เป็นเมืองออนเซ็นชื่อดังเลย น้ำแร่ในออนเซ็นนี้เป็นน้ำธรรมชาติจากภูเขา Kusatsu-Shirane
ที่มีชื่อดังเพราะ มีหมอคนนึงบอกว่าน้ำแร่นี้รักษาโรคได้นานาชนิด ยกเว้นโรค love sickness
(อ่านข้อมูลมาจากวิกิพีเดีย)
Yubatake
http://www.kusatsu-onsen.ne.jp/onsen/index.php
พอไปถึงก็ไปเข้าที่พักก่อนและลุยหิมะจากที่พักไปยังตัวเมือง ที่มี Yubatake
ซึ่งก็คือบ่อที่อยู่ใจกลางเมือง เป็นสัญลักษณ์ของออนเซ็นนี้
ตัวเมืองก็ได้กลิ่นแบบเมืองออนเซ็นคือจะเป็นคล้ายๆ ไข่ต้ม เหม็นๆ นิดนึง มีควัน
สองข้างทางก็มีร้านน่ารักๆ มีร้านขายของฝากที่มีซุปร้อนๆ ต้มมิโซะ ให้กินฟรี
Kousenji
http://www.kusatsu.ne.jp/kousenji/
เดินจาก Yubatake ไปหน่อยก็จะมีทางขึ้นวัด ก็ขึ้นไปไหว้นิดหน่อย
วัดนี้ตรงทางขึ้นสวยดี แต่มีหิมะเลยเดินยาก ตัววัดเป็นสีแดง
Misago Pension
http://www1.ocn.ne.jp/~misago/
พักที่นี่ พักแบบ cottage เป็นบ้านไม้มีสองชั้น ผู้ชายนอนข้างล่าง ผู้หญิงนอนชั้นสอง
ที่ที่พักมีที่แช่ขาและมีออนเซ็นด้วย รวมอาหารสองมื้อ 9,075 เยน คุ้มสุดๆ
วันต่อไปก็ไปเที่ยว Nikko แล้ว ได้อยู่ Kusatsu แค่แป๊บเดียว
แต่จำได้ว่าสนุกมาก ไม่อยากกลับเลย
ไม่ค่อยมีรายละเอียดเรื่องการเดินทางเพราะขับรถกันไป และส่วนใหญ่หลับ
ตอนขาไปโชคดีอากาศดีได้เห็นฟูจิบนทางด่วนด้วย
Kusatsu Onsen
http://www.kusatsu-onsen.ne.jp/
เป็นเมืองออนเซ็นชื่อดังเลย น้ำแร่ในออนเซ็นนี้เป็นน้ำธรรมชาติจากภูเขา Kusatsu-Shirane
ที่มีชื่อดังเพราะ มีหมอคนนึงบอกว่าน้ำแร่นี้รักษาโรคได้นานาชนิด ยกเว้นโรค love sickness
(อ่านข้อมูลมาจากวิกิพีเดีย)
Yubatake
http://www.kusatsu-onsen.ne.jp/onsen/index.php
พอไปถึงก็ไปเข้าที่พักก่อนและลุยหิมะจากที่พักไปยังตัวเมือง ที่มี Yubatake
ซึ่งก็คือบ่อที่อยู่ใจกลางเมือง เป็นสัญลักษณ์ของออนเซ็นนี้
ตัวเมืองก็ได้กลิ่นแบบเมืองออนเซ็นคือจะเป็นคล้ายๆ ไข่ต้ม เหม็นๆ นิดนึง มีควัน
สองข้างทางก็มีร้านน่ารักๆ มีร้านขายของฝากที่มีซุปร้อนๆ ต้มมิโซะ ให้กินฟรี
Kousenji
http://www.kusatsu.ne.jp/kousenji/
เดินจาก Yubatake ไปหน่อยก็จะมีทางขึ้นวัด ก็ขึ้นไปไหว้นิดหน่อย
วัดนี้ตรงทางขึ้นสวยดี แต่มีหิมะเลยเดินยาก ตัววัดเป็นสีแดง
Misago Pension
http://www1.ocn.ne.jp/~misago/
พักที่นี่ พักแบบ cottage เป็นบ้านไม้มีสองชั้น ผู้ชายนอนข้างล่าง ผู้หญิงนอนชั้นสอง
ที่ที่พักมีที่แช่ขาและมีออนเซ็นด้วย รวมอาหารสองมื้อ 9,075 เยน คุ้มสุดๆ
วันต่อไปก็ไปเที่ยว Nikko แล้ว ได้อยู่ Kusatsu แค่แป๊บเดียว
แต่จำได้ว่าสนุกมาก ไม่อยากกลับเลย
[NAGANO] เที่ยวปราสาท Matsumoto และขี่จักรยานท่ามกลางธรรมชาติ
จังหวัด Nagano เคยไปสกีทริปของนักเรียนไทยตอนที่มาแลกเปลี่ยน
พอมาเรียนป.โทก็ไปอีกครั้ง ครั้งนี้ไปที่เมือง Matsumoto
การเดินทางจาก Shinjuku จะมีรถบัสมาที่เมือง Matsumoto เลย ราคา 3,400 เยน
เมืองนี้เล็กๆ สามารถเดินเที่ยวถึงกันได้หมด
Matsumoto Castle
http://www.matsumoto-castle.jp/splash
พูดถึง Matsumoto ก็ต้องคิดถึงปราสาทเป็นอันดับแรก จากสถานีสามารถเดินไปได้
ค่าเข้า 600 เยน ข้างในไม่ได้มีนิทรรศการอย่างปราสาทอื่นๆ ที่เคยไป
ตอนดูเสร็จแล้วออกมานอกปราสาทมีคนแต่งตัวใส่เกราะด้วย เลยไปถ่ายรูปมา
ปราสาทสีดำเท่ห์ดี ด้านหลังจะมีสะพานสีแดง ตัดกับสีดำสวยดี มีทะเลสาปมีหงส์
Kaichi School
http://youkoso.city.matsumoto.nagano.jp/wordpress_index-p_193-htm
จากปราสาทสามารถเดินไปได้ เป็นโรงเรียนเก่าที่มีอาคารแบบทางตะวันตก
เป็นโรงเรียนแรกๆ ในญี่ปุ่นเลย ข้างในจะมีจำลองห้องเรียน และนิทรรศการต่างๆ
ได้เห็นห้องเรียนโต๊ะไม้แบบเก่าๆ สวยดีเหมือนกัน ค่าเข้า 300 เยน
Nawate Street
http://youkoso.city.matsumoto.nagano.jp/wordpress_index-p_183-htm
เดินกลับมาทางสถานีจะผ่าน Nawate Street เป็นถนนมีร้านขายของแบบเมืองเก่า
แต่ถนนไม่ยาวเท่าไร และไม่ค่อยมีร้านอะไรมาก ถนนนี้มีสัญลักษณ์เป็นกบ
นอกจากนี้ทางเดินกลับไปสถานียังมีอาคารสวยๆ มากมาย บางอาคารเป็นพิพิฒภัณฑ์
แต่ไม่ได้เข้าไปดูที่ไหนเลย เพราะเย็นแล้ว ส่วนใหญ่ปิดหมด
Azumino
http://www.azumino-e-tabi.net/en/
วันที่สองมีเวลา ตอนแรกไม่รู้จะไปไหน วันแรกที่ไปถึงเลยไปถาม Tourist information
เขาแนะนำให้ไปสวนวาซาบิเมืองใกล้ๆ ทางไปจะได้ขี่จักรยาน วิวสองข้างทางเป็น Alps
ทางไปคือจาก Matsumoto นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Hotaka แล้วเช่าจักรยาน
ร้านเช่าจักรยานอยู่หน้าสถานีเลย เจ้าของก็ใจดีมากๆ ให้แผนที่จักรยานมาด้วย
แล้วเราก็ได้เห็นวิวที่ไม่ผิดหวัง ขี่จักรยานไปสองข้างทางเป็นนา ซึ่งตอนนั้นเป็นหน้าแล้งไม่ค่อยสวย
แต่วิวข้างหลังนี่สิ สวยมาก เป็นเทือกเขาทอดตัวเป็นแนวยาว อากาศก็ดีมากๆ
มีผ่านศาลเจ้าก็ลงไปดูนิดหน่อย ขากลับกลับอีกทาง เป็นทางเลียบแม่น้ำ ก็สวยมาก
Daio Wasabi Farm
http://www.daiowasabi.co.jp/
ไปถึงฟาร์มวาซาบิแล้วรู้สึกเฉยๆ เพราะตื่นตาตื่นใจกับการขี่จักรยานมาแล้ว
คนที่ Tourist information แนะนำว่าดอกวาซาบิจะออกดอกช่วงนี้พอดี แต่ก็ไม่เห็น
ตอนเข้าไปในฟาร์มจะมีชาให้กิน และมีกิจกรรมมากมายแต่ไม่ได้ทำอะไรเลย
มีผลิตภัณฑ์วาซาบิขาย ได้กินไอศกรีมวาซาบิ ก็เฉยๆ นะ
เสร็จแล้วก็กลับไปที่สถานี Matsumoto เพื่อรอรถบัสไป Nagoya ค่ารถ 3,460 เยน
สรุปชอบทริปนี้มากนะ โดยเฉพาะตอนขี่จักรยาน ต้องหาโอกาสไปอีก
Matsumoto Tourist Hotel
http://www.trist.co.jp/
ค้างที่นี่ ก็โอเคนะ ไม่ไกลจากสถานีมาก แต่ตัวอาคารดูเก่าๆ หน่อย
ตอนแรกจองผิด จองแบบโปรโมชั่นคนที่เกิดวันที่พักแล้วได้ลด
แต่พอเขาบอกราคาใหม่ก็แค่ประมาณ 2,500 เยน เลยพักที่เดิมเนี่ยแหละ
พอมาเรียนป.โทก็ไปอีกครั้ง ครั้งนี้ไปที่เมือง Matsumoto
การเดินทางจาก Shinjuku จะมีรถบัสมาที่เมือง Matsumoto เลย ราคา 3,400 เยน
เมืองนี้เล็กๆ สามารถเดินเที่ยวถึงกันได้หมด
Matsumoto Castle
http://www.matsumoto-castle.jp/splash
พูดถึง Matsumoto ก็ต้องคิดถึงปราสาทเป็นอันดับแรก จากสถานีสามารถเดินไปได้
ค่าเข้า 600 เยน ข้างในไม่ได้มีนิทรรศการอย่างปราสาทอื่นๆ ที่เคยไป
ตอนดูเสร็จแล้วออกมานอกปราสาทมีคนแต่งตัวใส่เกราะด้วย เลยไปถ่ายรูปมา
ปราสาทสีดำเท่ห์ดี ด้านหลังจะมีสะพานสีแดง ตัดกับสีดำสวยดี มีทะเลสาปมีหงส์
Kaichi School
http://youkoso.city.matsumoto.nagano.jp/wordpress_index-p_193-htm
จากปราสาทสามารถเดินไปได้ เป็นโรงเรียนเก่าที่มีอาคารแบบทางตะวันตก
เป็นโรงเรียนแรกๆ ในญี่ปุ่นเลย ข้างในจะมีจำลองห้องเรียน และนิทรรศการต่างๆ
ได้เห็นห้องเรียนโต๊ะไม้แบบเก่าๆ สวยดีเหมือนกัน ค่าเข้า 300 เยน
Nawate Street
http://youkoso.city.matsumoto.nagano.jp/wordpress_index-p_183-htm
เดินกลับมาทางสถานีจะผ่าน Nawate Street เป็นถนนมีร้านขายของแบบเมืองเก่า
แต่ถนนไม่ยาวเท่าไร และไม่ค่อยมีร้านอะไรมาก ถนนนี้มีสัญลักษณ์เป็นกบ
นอกจากนี้ทางเดินกลับไปสถานียังมีอาคารสวยๆ มากมาย บางอาคารเป็นพิพิฒภัณฑ์
แต่ไม่ได้เข้าไปดูที่ไหนเลย เพราะเย็นแล้ว ส่วนใหญ่ปิดหมด
Azumino
http://www.azumino-e-tabi.net/en/
วันที่สองมีเวลา ตอนแรกไม่รู้จะไปไหน วันแรกที่ไปถึงเลยไปถาม Tourist information
เขาแนะนำให้ไปสวนวาซาบิเมืองใกล้ๆ ทางไปจะได้ขี่จักรยาน วิวสองข้างทางเป็น Alps
ทางไปคือจาก Matsumoto นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Hotaka แล้วเช่าจักรยาน
ร้านเช่าจักรยานอยู่หน้าสถานีเลย เจ้าของก็ใจดีมากๆ ให้แผนที่จักรยานมาด้วย
แล้วเราก็ได้เห็นวิวที่ไม่ผิดหวัง ขี่จักรยานไปสองข้างทางเป็นนา ซึ่งตอนนั้นเป็นหน้าแล้งไม่ค่อยสวย
แต่วิวข้างหลังนี่สิ สวยมาก เป็นเทือกเขาทอดตัวเป็นแนวยาว อากาศก็ดีมากๆ
มีผ่านศาลเจ้าก็ลงไปดูนิดหน่อย ขากลับกลับอีกทาง เป็นทางเลียบแม่น้ำ ก็สวยมาก
Daio Wasabi Farm
http://www.daiowasabi.co.jp/
ไปถึงฟาร์มวาซาบิแล้วรู้สึกเฉยๆ เพราะตื่นตาตื่นใจกับการขี่จักรยานมาแล้ว
คนที่ Tourist information แนะนำว่าดอกวาซาบิจะออกดอกช่วงนี้พอดี แต่ก็ไม่เห็น
ตอนเข้าไปในฟาร์มจะมีชาให้กิน และมีกิจกรรมมากมายแต่ไม่ได้ทำอะไรเลย
มีผลิตภัณฑ์วาซาบิขาย ได้กินไอศกรีมวาซาบิ ก็เฉยๆ นะ
เสร็จแล้วก็กลับไปที่สถานี Matsumoto เพื่อรอรถบัสไป Nagoya ค่ารถ 3,460 เยน
สรุปชอบทริปนี้มากนะ โดยเฉพาะตอนขี่จักรยาน ต้องหาโอกาสไปอีก
Matsumoto Tourist Hotel
http://www.trist.co.jp/
ค้างที่นี่ ก็โอเคนะ ไม่ไกลจากสถานีมาก แต่ตัวอาคารดูเก่าๆ หน่อย
ตอนแรกจองผิด จองแบบโปรโมชั่นคนที่เกิดวันที่พักแล้วได้ลด
แต่พอเขาบอกราคาใหม่ก็แค่ประมาณ 2,500 เยน เลยพักที่เดิมเนี่ยแหละ
ตำแหน่ง:
นะงะโนะ จังหวัดนะงะโนะ ญี่ปุ่น
วันพุธที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2558
[AICHI] ตะลุยกินในเมือง Nagoya
เคยไปแลกเปลี่ยนอยู่ Nagoya มาประมาณปีนึง ช่วงปี 2551-2552
จนบัดนี้ ถ้ามีคนถามว่า Nagoya มีอะไรเที่ยวบ้าง ก็ตอบไม่ค่อยจะได้
พูดถึง Nagoya จริงๆ เป็นชื่อเมืองไม่ใช่จังหวัด อยู่ในจังหวัด Aichi
แต่คนญี่ปุ่นที่อยู่ในเมือง Nagoya ก็จะแนะนำตัวว่ามาจาก Nagoya
แต่ว่าคนที่บอกว่าอยู่ Aichi แปลว่าอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่ Nagoya
ถึงไม่ค่อยมีที่เที่ยวเรื่องกินนี่ขอให้บอก เพราะที่ Nagoya มีของกินอร่อยๆ หลายอย่าง
ไปเริ่มตะลุยกินเลยดีกว่า...
Miso Katsu
คือหมูทอดราดซอสมิโสะ (อาจเปลี่ยนเป็นกุ้งหรือหอยนางรมราดซอสก็ได้)
อันนี้คือเมนูที่ชอบที่สุด ต้องกินที่ Nagoya เท่านั้น เคยกินที่อื่นรู้สึกว่าไม่อร่อยเท่า
แต่ที่นี่รสชาติจะมีเอกลักษณ์ก็คือจะเค็ม เรียกว่ารสจัดใช้ได้ ใครไม่ชินอาจจะไม่ชอบ
แนะนำร้าน Ajdokoro Kano เป็นร้านที่เคยทำงานพิเศษ เปิดมานานหลายรุ่น
เมนูเด็ดคือข้าวหน้าหมูทอดราดซอสมิโซะนี่แหละ จะมีไข่ด้วย อร่อยสุดๆ
Ajidokoro Kano
http://tabelog.com/aichi/A2301/A230103/23000292/
Yabaton
ร้านนี้มีหลายสาขา ที่ไทยก็มี ส่วนใหญ่สั่งเป็นข้าวกับกับแยก ไม่ได้ราดหน้า
ที่นี่มีขายซอสมิโสะสำเร็จรูปแบบไปอุ่นกินได้ด้วย คล้ายๆ แกงกะหรี่สำเร็จรูป
http://www.yabaton.com/
Komeda Coffee
http://www.komeda.co.jp/
อันนี้ไม่เชิงเป็นอาหารชื่อดัง แต่เป็นร้านที่มีต้นกำเนิดจาก Nagoya ตอนนี้มีทั่วประเทศ
เมนูก็มีทั้งของคาว ส่วนใหญ่จะเป็นแฮมเบอร์เกอร์และแซนด์วิชไส้ทงคัตสึ
ของหวานก็มีวาฟเฟิลที่มีไอศกรีมอยู่ข้างบน และก็มี Coffee Shake ที่อร่อยมาก
Tebasaki
ปีกไก่ทอดในตำนาน ร้านที่ชื่อดังที่สุดคงหนีไม่พ้น Sekai no Yamachan
มีหลายสาขาและมีที่ไทยเช่นกัน ปีกไก่ก็มีหลายรสนะ รสต้นตำรับและรสซอสดำ
http://www.yamachan.co.jp/
Ebi Fry
หรือกุ้งทอดนั่นเอง กุ้งทอดที่ Nagoya จะเป็นตัวใหญ่หน่อย
ไม่มีร้านแนะนำ กินในห้างแถว Sakae
Hitsumabushi
ข้าวหน้าปลาไหลย่าง ราดซอส แต่ว่าตอนนั้นกินแบบข้าวแยกกับ
ไม่ค่อยมีโอกาสได้กินบ่อยเพราะแพงมาก ต้องกินเวลามีคนเลี้ยง
เคยกินร้าน Hitsumabushi Bincho อยู่ในห้างชื่อ Lasik แถว Sakae
http://www.hitsumabushi.co.jp/
Miso Nikomi Udon
เป็นอุด้งที่ต้มซอสมิโสะ ร้านแนะนำคื่อ Yamamotoya Honten
มีหลายสาขาในนาโกย่า ปกติไม่ชอบอุด้งแต่อันนี้อร่อย
http://yamamotoyahonten.co.jp/
จบการรีวิวของ Nagoya แต่เพียงเท่านี้ เขียนไปท้องร้องไป
นอกจากที่เขียนนี้ยังมีของอร่อยๆ อีกหลายอย่าง เช่นขนมปังถั่วแดง คิชิเม็ง ฯลฯ
เดี๋ยวต้องหาโอกาสไปตะลุยกิน
จนบัดนี้ ถ้ามีคนถามว่า Nagoya มีอะไรเที่ยวบ้าง ก็ตอบไม่ค่อยจะได้
พูดถึง Nagoya จริงๆ เป็นชื่อเมืองไม่ใช่จังหวัด อยู่ในจังหวัด Aichi
แต่คนญี่ปุ่นที่อยู่ในเมือง Nagoya ก็จะแนะนำตัวว่ามาจาก Nagoya
แต่ว่าคนที่บอกว่าอยู่ Aichi แปลว่าอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่ Nagoya
ถึงไม่ค่อยมีที่เที่ยวเรื่องกินนี่ขอให้บอก เพราะที่ Nagoya มีของกินอร่อยๆ หลายอย่าง
ไปเริ่มตะลุยกินเลยดีกว่า...
Miso Katsu
คือหมูทอดราดซอสมิโสะ (อาจเปลี่ยนเป็นกุ้งหรือหอยนางรมราดซอสก็ได้)
อันนี้คือเมนูที่ชอบที่สุด ต้องกินที่ Nagoya เท่านั้น เคยกินที่อื่นรู้สึกว่าไม่อร่อยเท่า
แต่ที่นี่รสชาติจะมีเอกลักษณ์ก็คือจะเค็ม เรียกว่ารสจัดใช้ได้ ใครไม่ชินอาจจะไม่ชอบ
แนะนำร้าน Ajdokoro Kano เป็นร้านที่เคยทำงานพิเศษ เปิดมานานหลายรุ่น
เมนูเด็ดคือข้าวหน้าหมูทอดราดซอสมิโซะนี่แหละ จะมีไข่ด้วย อร่อยสุดๆ
Ajidokoro Kano
http://tabelog.com/aichi/A2301/A230103/23000292/
Yabaton
ร้านนี้มีหลายสาขา ที่ไทยก็มี ส่วนใหญ่สั่งเป็นข้าวกับกับแยก ไม่ได้ราดหน้า
ที่นี่มีขายซอสมิโสะสำเร็จรูปแบบไปอุ่นกินได้ด้วย คล้ายๆ แกงกะหรี่สำเร็จรูป
http://www.yabaton.com/
Komeda Coffee
http://www.komeda.co.jp/
อันนี้ไม่เชิงเป็นอาหารชื่อดัง แต่เป็นร้านที่มีต้นกำเนิดจาก Nagoya ตอนนี้มีทั่วประเทศ
เมนูก็มีทั้งของคาว ส่วนใหญ่จะเป็นแฮมเบอร์เกอร์และแซนด์วิชไส้ทงคัตสึ
ของหวานก็มีวาฟเฟิลที่มีไอศกรีมอยู่ข้างบน และก็มี Coffee Shake ที่อร่อยมาก
Tebasaki
ปีกไก่ทอดในตำนาน ร้านที่ชื่อดังที่สุดคงหนีไม่พ้น Sekai no Yamachan
มีหลายสาขาและมีที่ไทยเช่นกัน ปีกไก่ก็มีหลายรสนะ รสต้นตำรับและรสซอสดำ
http://www.yamachan.co.jp/
Ebi Fry
หรือกุ้งทอดนั่นเอง กุ้งทอดที่ Nagoya จะเป็นตัวใหญ่หน่อย
ไม่มีร้านแนะนำ กินในห้างแถว Sakae
Hitsumabushi
ข้าวหน้าปลาไหลย่าง ราดซอส แต่ว่าตอนนั้นกินแบบข้าวแยกกับ
ไม่ค่อยมีโอกาสได้กินบ่อยเพราะแพงมาก ต้องกินเวลามีคนเลี้ยง
เคยกินร้าน Hitsumabushi Bincho อยู่ในห้างชื่อ Lasik แถว Sakae
http://www.hitsumabushi.co.jp/
Miso Nikomi Udon
เป็นอุด้งที่ต้มซอสมิโสะ ร้านแนะนำคื่อ Yamamotoya Honten
มีหลายสาขาในนาโกย่า ปกติไม่ชอบอุด้งแต่อันนี้อร่อย
http://yamamotoyahonten.co.jp/
จบการรีวิวของ Nagoya แต่เพียงเท่านี้ เขียนไปท้องร้องไป
นอกจากที่เขียนนี้ยังมีของอร่อยๆ อีกหลายอย่าง เช่นขนมปังถั่วแดง คิชิเม็ง ฯลฯ
เดี๋ยวต้องหาโอกาสไปตะลุยกิน
ป้ายกำกับ:
Aichi,
Chubu,
Japan,
Nagoya,
Nagoyameshi
ตำแหน่ง:
นะโงะยะ จังหวัดไอชิ ญี่ปุ่น
[YAMANASHI] เซียนฟูจิ ตอน Kawaguchiko และ Saiko
โพสต์นี้เป็นการรวบรวมหลายๆ ทริปที่ไปแถวๆ ภูเขาไฟฟูจิมา
เน้น Kawaguchiko และ Saiko สองในทะเลสาปทั้งห้า (Fujigoko) ในจังหวัด Yamanashi
Kawaguchiko
https://www.fujisan.ne.jp/
สวยตั้งแต่สถานีเลย เดินข้ามถนนมาวันอากาศดีๆ จะเห็นฟูจิอยู่ข้างหลัง
ส่วนวิธีไปจาก Tokyo คือขึ้นรถบัสจากสถานี Shinjuku
สำหรับคนมี JR pass นั่งไปลง Otsuki แล้วนั่งรถไฟต่อไป Kawaguchi-ko ได้อีกวิธี
Mt.Kachi Kachi Ropeway
http://www.kachikachiyama-ropeway.com/
เคยไปครั้งเดียว จำได้ว่ารอรถนานมาก พอขึ้นไปก็ไม่มีอะไรมาก
แถมตอนไปเพิ่งผ่านหน้าร้อนไปได้ไม่นาน ภูเขาเลยยังไม่มีหิมะ
Kawaguchiko Music Forest
http://www.kawaguchikomusicforest.jp/
พิพิฒภัณฑ์กล่องดนตรี มีการแสดงต่างๆการแสดงดนตรีประกอบพลุ
ข้างในก็มีการแสดงของตุ๊กตาที่แสดงดนตรีแล้วก็มีนิทรรศการต่างๆ
ตอนที่ไปอากาศไม่ดี เลยไม่เห็นฟูจิเลย
Oishi Park
http://www.fuji-kawaguchiko.com/003fujiyama/ooishi/
เป็นสวนที่มองเห็นฟูจิสวยมาก ตอนแรกขี่จักรยานไปตอนกลางคืนเห็นฟูจิลางๆ
ขี่ไปตอนกลางคืนเพราะคิดว่าจะมีประดับไฟสวยงาม แต่ไม่มีอะไรเลย
กลางวันเลยกลับมาอีกรอบ ก็สวยจริงๆ ช่วงหน้าร้อนน่าจะมีดอกลาเวนเดอร์ด้วย
Backpackers Hostel K's House
http://www.kshouse.jp/fuji-e/
มีบริการรับส่งถึงสถานี พักมา 3 รอบนะ อยู่ห้องที่เป็นหอตลอด
ก็ดีนะ ถ้าไม่คิดอะไรมาก แต่ก็จะไม่ค่อยมีความเป็นส่วนตัว ปิดไฟเร็ว
ตอนไปครั้งที่ 2 นี่รู้สึกว่าหนาว แต่ครั้งล่าสุดไม่นะ แต่เจอคนไทยเยอะมาก
แถวๆ นั้นมี ออนเซ็นด้วย เคยไปแช่ครั้งนึง
ที่ Kawaguchiko ไปหลายครั้งก็ไม่เบื่อ เพราะมีกิจกรรมให้ทำตลอดไม่ซ้ำกัน
และก็โชคดีที่ไปหลายครั้งก็เจอเทศกาล เช่นใบไม้แดง เทศกาลพลุฤดูหนาว
มีครั้งนึงได้เช่าจักรยานไปขี่รอบๆ ทะเลสาปตอนดึก ซึ่งหนาวมาก ก็สนุกดี
มีของขึ้นชื่อคือ Hoto เป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่น้ำข้น ใส่ผักพวกฟักทอง หลายคนไม่ค่อยชอบนะ
แล้วที่สถานีก็มีไอติมฟูจิ คือข้างล่างเป็นสีฟ้า ข้างบนเป็นสีขาว ตรงสีฟ้าเป็นรสองุ่น
Saiko
เป็นทะเลสาปเล็กๆ แต่เราชอบมากๆ เงียบดี วิวก็สวย เห็นฟฺจิสะท้อนน้ำ
การเดินทางก็ง่ายๆ นั่ง Retro bus มาจากสถานี Kawaguchiko
ส่วนใหญ่จะซื้อตั๋ววันนึงไปได้ทั้ง Kawaguchiko และ Saiko
http://bus.fujikyu.co.jp/rosen/shuyu
Iyashi no Sato
http://www.fujisan.ne.jp/iyashi/
เป็นหมู่บ้านเก่าๆ มองไปเห็นฟูจิ สวยดี ก็ได้กินขนมโมจิ
มีที่พักรถกินโซบะด้วย มีครั้งนึงไปเจอแผงขายสตอเบอรี่ หวานมาก
แถวทะเลสาปนี้ยังมีถ้ำค้างคาว และอื่นๆ อีกที่ยังไม่ได้ไป
แต่ค่อนข้างจะ local มาก นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะ เห็นฟูจิชัด เราชอบมากเลย
วันหลังจะมาเขียนเกี่ยวกับเรื่องจุดดูฟูจิที่อื่นๆ นะ
เน้น Kawaguchiko และ Saiko สองในทะเลสาปทั้งห้า (Fujigoko) ในจังหวัด Yamanashi
Kawaguchiko
https://www.fujisan.ne.jp/
สวยตั้งแต่สถานีเลย เดินข้ามถนนมาวันอากาศดีๆ จะเห็นฟูจิอยู่ข้างหลัง
ส่วนวิธีไปจาก Tokyo คือขึ้นรถบัสจากสถานี Shinjuku
สำหรับคนมี JR pass นั่งไปลง Otsuki แล้วนั่งรถไฟต่อไป Kawaguchi-ko ได้อีกวิธี
Mt.Kachi Kachi Ropeway
http://www.kachikachiyama-ropeway.com/
เคยไปครั้งเดียว จำได้ว่ารอรถนานมาก พอขึ้นไปก็ไม่มีอะไรมาก
แถมตอนไปเพิ่งผ่านหน้าร้อนไปได้ไม่นาน ภูเขาเลยยังไม่มีหิมะ
Kawaguchiko Music Forest
http://www.kawaguchikomusicforest.jp/
พิพิฒภัณฑ์กล่องดนตรี มีการแสดงต่างๆการแสดงดนตรีประกอบพลุ
ข้างในก็มีการแสดงของตุ๊กตาที่แสดงดนตรีแล้วก็มีนิทรรศการต่างๆ
ตอนที่ไปอากาศไม่ดี เลยไม่เห็นฟูจิเลย
Oishi Park
http://www.fuji-kawaguchiko.com/003fujiyama/ooishi/
เป็นสวนที่มองเห็นฟูจิสวยมาก ตอนแรกขี่จักรยานไปตอนกลางคืนเห็นฟูจิลางๆ
ขี่ไปตอนกลางคืนเพราะคิดว่าจะมีประดับไฟสวยงาม แต่ไม่มีอะไรเลย
กลางวันเลยกลับมาอีกรอบ ก็สวยจริงๆ ช่วงหน้าร้อนน่าจะมีดอกลาเวนเดอร์ด้วย
Backpackers Hostel K's House
http://www.kshouse.jp/fuji-e/
มีบริการรับส่งถึงสถานี พักมา 3 รอบนะ อยู่ห้องที่เป็นหอตลอด
ก็ดีนะ ถ้าไม่คิดอะไรมาก แต่ก็จะไม่ค่อยมีความเป็นส่วนตัว ปิดไฟเร็ว
ตอนไปครั้งที่ 2 นี่รู้สึกว่าหนาว แต่ครั้งล่าสุดไม่นะ แต่เจอคนไทยเยอะมาก
แถวๆ นั้นมี ออนเซ็นด้วย เคยไปแช่ครั้งนึง
ที่ Kawaguchiko ไปหลายครั้งก็ไม่เบื่อ เพราะมีกิจกรรมให้ทำตลอดไม่ซ้ำกัน
และก็โชคดีที่ไปหลายครั้งก็เจอเทศกาล เช่นใบไม้แดง เทศกาลพลุฤดูหนาว
มีครั้งนึงได้เช่าจักรยานไปขี่รอบๆ ทะเลสาปตอนดึก ซึ่งหนาวมาก ก็สนุกดี
มีของขึ้นชื่อคือ Hoto เป็นก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่น้ำข้น ใส่ผักพวกฟักทอง หลายคนไม่ค่อยชอบนะ
แล้วที่สถานีก็มีไอติมฟูจิ คือข้างล่างเป็นสีฟ้า ข้างบนเป็นสีขาว ตรงสีฟ้าเป็นรสองุ่น
Saiko
เป็นทะเลสาปเล็กๆ แต่เราชอบมากๆ เงียบดี วิวก็สวย เห็นฟฺจิสะท้อนน้ำ
การเดินทางก็ง่ายๆ นั่ง Retro bus มาจากสถานี Kawaguchiko
ส่วนใหญ่จะซื้อตั๋ววันนึงไปได้ทั้ง Kawaguchiko และ Saiko
http://bus.fujikyu.co.jp/rosen/shuyu
Iyashi no Sato
http://www.fujisan.ne.jp/iyashi/
เป็นหมู่บ้านเก่าๆ มองไปเห็นฟูจิ สวยดี ก็ได้กินขนมโมจิ
มีที่พักรถกินโซบะด้วย มีครั้งนึงไปเจอแผงขายสตอเบอรี่ หวานมาก
แถวทะเลสาปนี้ยังมีถ้ำค้างคาว และอื่นๆ อีกที่ยังไม่ได้ไป
แต่ค่อนข้างจะ local มาก นักท่องเที่ยวไม่ค่อยเยอะ เห็นฟูจิชัด เราชอบมากเลย
วันหลังจะมาเขียนเกี่ยวกับเรื่องจุดดูฟูจิที่อื่นๆ นะ
ตำแหน่ง:
จังหวัดยะมะนะชิ ญี่ปุ่น
[OKAYAMA] ตามรอยโมโมทาโร่ และชมคลองแสนสวย
ทริปตามล่าใบไม้เปลี่ยนสีเดือนพ.ย.56 เป็นครั้งแรกที่ได้มาภูมิภาค Chugoku
(เป็นคำเดียวกับคำว่า ประเทศจีน แต่มีเหตุผลทางประวัติศาสตร์
เกี่ยวกับระยะทางของภูมิภาคกับเมืองหลวง เลยทำให้เป็นชื่อนี้ ซึ่งไม่เกี่ยวกับประเทศจีน)
จังหวัดนี้เป็นต้นกำเนิดของนิทานพื้นบ้านชื่อดังอย่าง momotaro ที่หน้าสถานีก็มีรูปปั้น
Kibi District
ออกเดินทางไปที่ Kibi District มีวัดหลายที่ที่เดินถึงกันได้
จากสถานี Okayama ขึ้นรถไฟสาย Kibi ไปลงสถานี Bizen-Ichinomiya
รถไฟเป็นรถไฟท้องถิ่นหน่อยๆ สีสันสดใส คันที่เรานั่งเป็นสีชมพู แล้วมีปุ่มเปิดปิดประตูรถได้เองด้วย
วันนั้นอากาศหนาว ตอนนั่งรอรถไฟออกก็เห็นเด็กนักเรียนลุกไปปิดประตู
รถไฟมีสองตอนแต่ตอนลงต้องไปลงข้างหน้าและให้ตั๋วกับคนขับ เพราะไม่มีที่เก็บตั๋วอัตโนมัติ
พอไปถึงสถานี หน้าสถานีเหมือนจะมีร้านจักรยานให้เช่า แต่เราใช้วิธีเดิน
Kibitsuhiko Shrine
http://www.kibitsuhiko.or.jp/
เดินออกจากสถานีแล้วก็จะมีป้ายชี้ทาง ก็เดินอ้อมสถานีนิดนึงแล้วไปข้ามทางรถไฟแล้วก็จะถึงศาลเจ้า
ก็เป็นไม้ๆ สวยดีเหมือนกัน มีเด็กมาเยอะเลย น่าจะเป็นคุณครูพี่เลี้ยงเอาเด็กใส่รถเข็นมา
Kibitsu Shrine
http://www.kibitujinja.com/
ออก จากศาลเจ้าที่แรก แล้วก็เดินผ่านทุ่งนาประมาณ 2 กิโลก็จะถึง
ข้างทางเป็นแบบชนบทมากๆ ซึ่งก็เป็นเส้นทางตามรอยโมโมทาโร่ แต่เราชอบมากๆ มีภูเขา
สองข้างก็น่าจะปลูกอะไรซักอย่าง แต่มันเหี่ยวหมดแล้ว มีต้นหญ้า ลำธารด้วย
แต่ตอนที่เราเดินกันฝนดันตก ตอนแรกคิดว่าจะกลับกันดีมั้ย แต่ไหนๆ ก็มาแล้วเลยเดินต่อไป
ถึงศาลเจ้าแล้วอารมณ์คล้ายๆ ที่แรก เป็นไม้ๆ วันนี้มีพ่อแม่พาลูกใส่ชุดกิโมโนมาที่ศาลเจ้าด้วย
แล้วศาสเจ้านี้ก็มีทางเดินระเบียงสวยดี ขากลับกลับจากสถานี Kibitsu เดินจากวัดประมาณครึ่งโลได้
Kurashiki Bikan Historical Quarter
http://www.kurashiki-tabi.jp/see-kurashiki/
จาก นั้นก็กลับไปสถานี Okayama แล้วก็นั่งรถไฟไป Kurashiki ราคา 320 เยน
สถานีนี้ก็ใหญ่พอสมควร เดินจากสถานีซักพักก็จะถึงจุดที่เป็นชมวิว มีคลอง มีพายเรือในคลองด้วย
แล้วในคลองก็มีหงส์ ข้างทางก็มีพวกอาคารออกแนวฝรั่งๆ หน่อย แล้วก็ร้านขายของ
Kurashiki Coffeekan
http://www.kurashiki-coffeekan.com/
หิว มากๆ ก็เลยจะแวะกินกาแฟและขนมหน่อย ไปเจอร้านนี้ ตกแต่งน่ารักดูอบอุ่นมากๆ
ลองเสิร์ชชื่อ Coffeekan อย่างเดียวแล้วมันก็มีหลายสาขา แต่ว่าร้านนี้จะมีคำว่า Kurashiki ด้วย
ตกแต่งก็คนละสไตล์กัน เลยคิดว่าคงเป็นคนละร้านกัน
เสียดายร้านนี้มีแต่กาแฟ เราหิวหนมด้วย อดกินเลย
หยิบโบรชัวร์การท่องเที่่ยวจากโรงแรมเมื่อคืนมาเลยได้ลดร้าน นี้คนละ 50 เยนด้วย
Kurashiki Ivy Square
http://www.ivysquare.co.jp/
เดินต่อไปเล็กน้อยก็จะถึง Ivy Square ความจริงเป็นโรงแรม มีปลูกไม้เลื้อยผนังสวยๆ
เลยเป็นจุดถ่ายรูปด้วย แต่ว่าใบไม้ก็เริ่มเหี่ยวแล้ว ข้างในมีร้านขายเทียน และมีให้เวิร์คช็อปทำเทียนด้วย แล้วก็มีร้านขายกล่องดนตรี ร้านขายกระดาษสวยๆ
แวะซื้อขนมเหมือนทอดมันเป็นแท่งๆ เรียกว่า Kamaboko (ลูกชิ้นปลา)
เราซื้อรสกุ้ง เพื่อนซื้อรสถั่ว อร่อยดี อิ่มเหมือนกัน เพราะไม่ได้กินข้าวกลางวัน แล้วเราก็เดินกลับสถานี ท้องฟ้าตอนเย็นวันนั้นสวยมาก สถานีก็น่ารักดี
Hotel Riverside
http://www.tsutaya-co.jp/riverside-okayama/
โรงแรมก็ดีนะ อยู่ริมคลองตามชื่อ มีแบบแคปซูลสำหรับผู้ชายอย่างเดียวด้วย ผู้ชายเลยเยอะหน่อย
ห้องก็ไม่ได้แคบมาก ค่าโรงแรมคืนละ 2,450 เยนเองมีห้องน้ำห้องอาบน้ำในตัว
ในโรงแรมก็มีห้องอาบน้ำรวมด้วย แต่สำหรับผู้ชายอย่างเดียว
จบทริปที่ Okayama วันต่อไปไป Hiroshima ต่อ ชอบที่ Okayama นะ
ชิวดี แล้วก็มีพวกปราสาทที่ยังไม่ได้ไปด้วย คงต้องจัดใหม่อีกรอบ
(เป็นคำเดียวกับคำว่า ประเทศจีน แต่มีเหตุผลทางประวัติศาสตร์
เกี่ยวกับระยะทางของภูมิภาคกับเมืองหลวง เลยทำให้เป็นชื่อนี้ ซึ่งไม่เกี่ยวกับประเทศจีน)
จังหวัดนี้เป็นต้นกำเนิดของนิทานพื้นบ้านชื่อดังอย่าง momotaro ที่หน้าสถานีก็มีรูปปั้น
Kibi District
ออกเดินทางไปที่ Kibi District มีวัดหลายที่ที่เดินถึงกันได้
จากสถานี Okayama ขึ้นรถไฟสาย Kibi ไปลงสถานี Bizen-Ichinomiya
รถไฟเป็นรถไฟท้องถิ่นหน่อยๆ สีสันสดใส คันที่เรานั่งเป็นสีชมพู แล้วมีปุ่มเปิดปิดประตูรถได้เองด้วย
วันนั้นอากาศหนาว ตอนนั่งรอรถไฟออกก็เห็นเด็กนักเรียนลุกไปปิดประตู
รถไฟมีสองตอนแต่ตอนลงต้องไปลงข้างหน้าและให้ตั๋วกับคนขับ เพราะไม่มีที่เก็บตั๋วอัตโนมัติ
พอไปถึงสถานี หน้าสถานีเหมือนจะมีร้านจักรยานให้เช่า แต่เราใช้วิธีเดิน
Kibitsuhiko Shrine
http://www.kibitsuhiko.or.jp/
เดินออกจากสถานีแล้วก็จะมีป้ายชี้ทาง ก็เดินอ้อมสถานีนิดนึงแล้วไปข้ามทางรถไฟแล้วก็จะถึงศาลเจ้า
ก็เป็นไม้ๆ สวยดีเหมือนกัน มีเด็กมาเยอะเลย น่าจะเป็นคุณครูพี่เลี้ยงเอาเด็กใส่รถเข็นมา
Kibitsu Shrine
http://www.kibitujinja.com/
ออก จากศาลเจ้าที่แรก แล้วก็เดินผ่านทุ่งนาประมาณ 2 กิโลก็จะถึง
ข้างทางเป็นแบบชนบทมากๆ ซึ่งก็เป็นเส้นทางตามรอยโมโมทาโร่ แต่เราชอบมากๆ มีภูเขา
สองข้างก็น่าจะปลูกอะไรซักอย่าง แต่มันเหี่ยวหมดแล้ว มีต้นหญ้า ลำธารด้วย
แต่ตอนที่เราเดินกันฝนดันตก ตอนแรกคิดว่าจะกลับกันดีมั้ย แต่ไหนๆ ก็มาแล้วเลยเดินต่อไป
ถึงศาลเจ้าแล้วอารมณ์คล้ายๆ ที่แรก เป็นไม้ๆ วันนี้มีพ่อแม่พาลูกใส่ชุดกิโมโนมาที่ศาลเจ้าด้วย
แล้วศาสเจ้านี้ก็มีทางเดินระเบียงสวยดี ขากลับกลับจากสถานี Kibitsu เดินจากวัดประมาณครึ่งโลได้
Kurashiki Bikan Historical Quarter
http://www.kurashiki-tabi.jp/see-kurashiki/
จาก นั้นก็กลับไปสถานี Okayama แล้วก็นั่งรถไฟไป Kurashiki ราคา 320 เยน
สถานีนี้ก็ใหญ่พอสมควร เดินจากสถานีซักพักก็จะถึงจุดที่เป็นชมวิว มีคลอง มีพายเรือในคลองด้วย
แล้วในคลองก็มีหงส์ ข้างทางก็มีพวกอาคารออกแนวฝรั่งๆ หน่อย แล้วก็ร้านขายของ
Kurashiki Coffeekan
http://www.kurashiki-coffeekan.com/
หิว มากๆ ก็เลยจะแวะกินกาแฟและขนมหน่อย ไปเจอร้านนี้ ตกแต่งน่ารักดูอบอุ่นมากๆ
ลองเสิร์ชชื่อ Coffeekan อย่างเดียวแล้วมันก็มีหลายสาขา แต่ว่าร้านนี้จะมีคำว่า Kurashiki ด้วย
ตกแต่งก็คนละสไตล์กัน เลยคิดว่าคงเป็นคนละร้านกัน
เสียดายร้านนี้มีแต่กาแฟ เราหิวหนมด้วย อดกินเลย
หยิบโบรชัวร์การท่องเที่่ยวจากโรงแรมเมื่อคืนมาเลยได้ลดร้าน นี้คนละ 50 เยนด้วย
Kurashiki Ivy Square
http://www.ivysquare.co.jp/
เดินต่อไปเล็กน้อยก็จะถึง Ivy Square ความจริงเป็นโรงแรม มีปลูกไม้เลื้อยผนังสวยๆ
เลยเป็นจุดถ่ายรูปด้วย แต่ว่าใบไม้ก็เริ่มเหี่ยวแล้ว ข้างในมีร้านขายเทียน และมีให้เวิร์คช็อปทำเทียนด้วย แล้วก็มีร้านขายกล่องดนตรี ร้านขายกระดาษสวยๆ
แวะซื้อขนมเหมือนทอดมันเป็นแท่งๆ เรียกว่า Kamaboko (ลูกชิ้นปลา)
เราซื้อรสกุ้ง เพื่อนซื้อรสถั่ว อร่อยดี อิ่มเหมือนกัน เพราะไม่ได้กินข้าวกลางวัน แล้วเราก็เดินกลับสถานี ท้องฟ้าตอนเย็นวันนั้นสวยมาก สถานีก็น่ารักดี
Hotel Riverside
http://www.tsutaya-co.jp/riverside-okayama/
โรงแรมก็ดีนะ อยู่ริมคลองตามชื่อ มีแบบแคปซูลสำหรับผู้ชายอย่างเดียวด้วย ผู้ชายเลยเยอะหน่อย
ห้องก็ไม่ได้แคบมาก ค่าโรงแรมคืนละ 2,450 เยนเองมีห้องน้ำห้องอาบน้ำในตัว
ในโรงแรมก็มีห้องอาบน้ำรวมด้วย แต่สำหรับผู้ชายอย่างเดียว
จบทริปที่ Okayama วันต่อไปไป Hiroshima ต่อ ชอบที่ Okayama นะ
ชิวดี แล้วก็มีพวกปราสาทที่ยังไม่ได้ไปด้วย คงต้องจัดใหม่อีกรอบ
ตำแหน่ง:
โอะกะยะมะ จังหวัดโอะกะยะมะ ญี่ปุ่น
วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558
[IBARAKI] โครงการด็อกเตอร์ตัวจิ๋ว เที่ยวศูนย์วิจัย
ช่วงปิดเทอมหน้าร้อน เดือนก.ค.ถึงต้นส.ค.2556 ก่อนกลับบ้าน
ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมศูนย์วิจัยหลายๆ แห่งในเมือง Tsukuba เมืองแห่งการวิจัย
ในโครงการ "ด็อกเตอร์ตัวจิ๋ว" Tsukuba Chibikko Hakase
เป็นโครงการที่ให้เด็กไปล่าตัวปั๊มจากศูนย์วิจัยต่างๆ ถ้าได้ครบที่กำหนดก็จะได้รางวัล
http://www.tsukuba.ed.jp/~298kids/modules/hakase/index.php/content0057.html
เป็นโครงการที่ดีมากๆ เลยนะ คือให้เด็กใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
นี่เราก็ได้ไปเพราะเพื่อนคนญี่ปุ่นพาลูกที่อยู่ชั้นประถมตอนนั้นไป เลยชวนเราไปด้วย
ไม่ค่อยมีรูปเท่าไร แต่จะเขียนเกี่ยวกับศูนย์วิจัยที่เคยไปไว้นะ
University of Tsukuba Gallery
http://www.tsukuba.ac.jp/english/public/institutions/gallery.html
ส่วนใหญ่เป็นนิทรรศการเกี่ยวกับศิษย์เก่าของ Tsukuba ว่ามีผลงานใหญ่โตอะไรบ้าง
นอกจากมีนักวิชาการเก่งๆ แล้วยังมีนักกีฬาชื่อดังเรียนอยู่ที่นี่เยอะด้วย
High Energy Accelerator Research Organization
https://www.kek.jp/en/
ที่นี่เป็นการทดลองแบบวิทย์มากๆ เลยไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
แต่ว่ามีกระจกขยายใหญ่ที่เวลาเอาหน้าไปวางข้างหลังกระจกจะขยายใหญ่มาก ตลกดี
Tsukuba Botanical Garden
http://www.tbg.kahaku.go.jp/english/index.html
ได้ดูพืชพรรณไม้นานาชนิดในเรือนกระจก ตอนนั้นร้อนมากแต่ก็มีซุ้มที่ฉีดน้ำ
และได้ทำที่คั่นหนังสือจากกลีบดอกไม้และใบไม้ สนุกดี
Yukari no Mori Insect Museum
http://www.tsukubaykr.jp/index.html
ก็เป็นที่แสดงแมลงที่สต๊าฟไว้ ถ้าผู้ใหญ่เข้าต้องเสียตังเลยไม่ได้เข้าไป
แถวนั้นเป็นที่ตั้งแคมป์ บรรยากาศดีมาก มีทุ่งข้างหลัง เลยได้ไปวิ่งเล่นด้วย
Cyberdyne Studio
http://www.cyberdyne.jp/english/studio/
ที่นี่อยู่ในห้าง เคยไปมาก่อนหน้านี้แล้ว ก็มีแสดงหุ่นยนต์แบบต่างๆ
มีจอที่ถ่ายรูป และใช้มือสัมผัสให้ถ่ายดี มีเล่นวาดรูปเป็นสีๆ ลงจอ
Tsukuba Expo Center
http://www.expocenter.or.jp/
ครั้งนี้ให้น้องไปปั๊มแสตมป์อย่างเดียว แต่เราเคยมาที่นี่แล้วสองครั้ง
ก็จะมีนิทรรศการเรื่องการทดลองต่างๆ เคยมาดูเรื่องเกี่ยวกับเสียงมั้ง
แล้วก็มีท้องฟ้าจำลองด้วย เป็นแบบกลมๆ เลย ต้องนอนดู แต่ชอบนะ
Tsukuba Science Information Center
http://www.city.tsukuba.ibaraki.jp/2117/007622.html
มีหุ่นยนต์รูปแมวน้ำน่ารัก เป็นหุ่นยนต์ที่อยู่ด้วยแล้วจะสบายใจ
ก็น่ารักมากๆ เลย เห็นบอกว่าให้อยู่กับคนแก่ แต่แพงมาก สามแสนเยนนะ
อันนี้เว็บของหุ่นยนต์ตัวนี้ http://www.ndsoft.jp/paro.php
JAXA Japan Aerospace Exploration Agency
http://global.jaxa.jp/
เป็นศูนย์วิจัยทางอวกาศ ได้ไปฟังเสียงตอนปล่อยระเบิด
มีนิทรรศการจำลองห้องในยานอวกาศ และมีที่ถ่ายรูปเป็นนักบินอวกาศ
Geological Museum
https://www.gsj.jp/Muse/
มีหินหลายแบบ สวยๆ ทั้งนั้นเลย จาก JAXA เดินมาได้ ตามทางก็สวย
Science Square Tsukuba
https://www.aist.go.jp/sst/ja/
มีหุ่นยนต์หลายแบบ แต่หุ่นยนต์ไดโนเสาร์เสีย และมีผ้าคลุมล่องหนด้วย
ทางเดินออกมาถนนใหญ่สวยมากเลย เป็นต้นแปะก๊วย ฤดูใบไม้ร่วงน่าจะสวย
Meteorological Research Institute
http://www.mri-jma.go.jp/index_en.html
ศูนย์วิจัยทางอากาศ ที่นี่ก็ชอบมากๆ เลย ตอนแรกไปฝึกเขียนแผนที่อากาศ
แล้วก็มีกิจกรรมกลางแจ้ง ปล่อยบอลลูน มีภาพถ่ายดาวเทียมของโลกในวันเกิด
คือมีเด็กไปต่อคิวรอภาพถ่ายเยอะมาก แล้วของเราวันเกิดผ่านมานาน เลยใช้เวลาเยอะ
มีโทรทัศน์ที่แยกว่าส่วนไหนของร่างกายอุณหภูมิร้อนหรือเย็นแค่ไหน
จบการทัวร์ศูนย์วิจัย แล้วเราก็กลับไทยในช่วงปิดเทอม
รู้สึกดีมาก ทำให้รู้ว่าการวิจัย (สายวิทย์) ก็มีประโยชน์กับชาวโลกอย่างนี้นี่เอง
แล้วก็ดีใจที่ได้เที่ยวใน Tsukuba รู้สึกว่ามันก็มีอะไรดีๆ เหมือนกันแฮะ
ได้มีโอกาสไปเยี่ยมชมศูนย์วิจัยหลายๆ แห่งในเมือง Tsukuba เมืองแห่งการวิจัย
ในโครงการ "ด็อกเตอร์ตัวจิ๋ว" Tsukuba Chibikko Hakase
เป็นโครงการที่ให้เด็กไปล่าตัวปั๊มจากศูนย์วิจัยต่างๆ ถ้าได้ครบที่กำหนดก็จะได้รางวัล
http://www.tsukuba.ed.jp/~298kids/modules/hakase/index.php/content0057.html
เป็นโครงการที่ดีมากๆ เลยนะ คือให้เด็กใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
นี่เราก็ได้ไปเพราะเพื่อนคนญี่ปุ่นพาลูกที่อยู่ชั้นประถมตอนนั้นไป เลยชวนเราไปด้วย
ไม่ค่อยมีรูปเท่าไร แต่จะเขียนเกี่ยวกับศูนย์วิจัยที่เคยไปไว้นะ
University of Tsukuba Gallery
http://www.tsukuba.ac.jp/english/public/institutions/gallery.html
ส่วนใหญ่เป็นนิทรรศการเกี่ยวกับศิษย์เก่าของ Tsukuba ว่ามีผลงานใหญ่โตอะไรบ้าง
นอกจากมีนักวิชาการเก่งๆ แล้วยังมีนักกีฬาชื่อดังเรียนอยู่ที่นี่เยอะด้วย
High Energy Accelerator Research Organization
https://www.kek.jp/en/
ที่นี่เป็นการทดลองแบบวิทย์มากๆ เลยไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
แต่ว่ามีกระจกขยายใหญ่ที่เวลาเอาหน้าไปวางข้างหลังกระจกจะขยายใหญ่มาก ตลกดี
Tsukuba Botanical Garden
http://www.tbg.kahaku.go.jp/english/index.html
ได้ดูพืชพรรณไม้นานาชนิดในเรือนกระจก ตอนนั้นร้อนมากแต่ก็มีซุ้มที่ฉีดน้ำ
และได้ทำที่คั่นหนังสือจากกลีบดอกไม้และใบไม้ สนุกดี
Yukari no Mori Insect Museum
http://www.tsukubaykr.jp/index.html
ก็เป็นที่แสดงแมลงที่สต๊าฟไว้ ถ้าผู้ใหญ่เข้าต้องเสียตังเลยไม่ได้เข้าไป
แถวนั้นเป็นที่ตั้งแคมป์ บรรยากาศดีมาก มีทุ่งข้างหลัง เลยได้ไปวิ่งเล่นด้วย
Cyberdyne Studio
http://www.cyberdyne.jp/english/studio/
ที่นี่อยู่ในห้าง เคยไปมาก่อนหน้านี้แล้ว ก็มีแสดงหุ่นยนต์แบบต่างๆ
มีจอที่ถ่ายรูป และใช้มือสัมผัสให้ถ่ายดี มีเล่นวาดรูปเป็นสีๆ ลงจอ
Tsukuba Expo Center
http://www.expocenter.or.jp/
ครั้งนี้ให้น้องไปปั๊มแสตมป์อย่างเดียว แต่เราเคยมาที่นี่แล้วสองครั้ง
ก็จะมีนิทรรศการเรื่องการทดลองต่างๆ เคยมาดูเรื่องเกี่ยวกับเสียงมั้ง
แล้วก็มีท้องฟ้าจำลองด้วย เป็นแบบกลมๆ เลย ต้องนอนดู แต่ชอบนะ
Tsukuba Science Information Center
http://www.city.tsukuba.ibaraki.jp/2117/007622.html
มีหุ่นยนต์รูปแมวน้ำน่ารัก เป็นหุ่นยนต์ที่อยู่ด้วยแล้วจะสบายใจ
ก็น่ารักมากๆ เลย เห็นบอกว่าให้อยู่กับคนแก่ แต่แพงมาก สามแสนเยนนะ
อันนี้เว็บของหุ่นยนต์ตัวนี้ http://www.ndsoft.jp/paro.php
JAXA Japan Aerospace Exploration Agency
http://global.jaxa.jp/
เป็นศูนย์วิจัยทางอวกาศ ได้ไปฟังเสียงตอนปล่อยระเบิด
มีนิทรรศการจำลองห้องในยานอวกาศ และมีที่ถ่ายรูปเป็นนักบินอวกาศ
Geological Museum
https://www.gsj.jp/Muse/
มีหินหลายแบบ สวยๆ ทั้งนั้นเลย จาก JAXA เดินมาได้ ตามทางก็สวย
Science Square Tsukuba
https://www.aist.go.jp/sst/ja/
มีหุ่นยนต์หลายแบบ แต่หุ่นยนต์ไดโนเสาร์เสีย และมีผ้าคลุมล่องหนด้วย
ทางเดินออกมาถนนใหญ่สวยมากเลย เป็นต้นแปะก๊วย ฤดูใบไม้ร่วงน่าจะสวย
Meteorological Research Institute
http://www.mri-jma.go.jp/index_en.html
ศูนย์วิจัยทางอากาศ ที่นี่ก็ชอบมากๆ เลย ตอนแรกไปฝึกเขียนแผนที่อากาศ
แล้วก็มีกิจกรรมกลางแจ้ง ปล่อยบอลลูน มีภาพถ่ายดาวเทียมของโลกในวันเกิด
คือมีเด็กไปต่อคิวรอภาพถ่ายเยอะมาก แล้วของเราวันเกิดผ่านมานาน เลยใช้เวลาเยอะ
มีโทรทัศน์ที่แยกว่าส่วนไหนของร่างกายอุณหภูมิร้อนหรือเย็นแค่ไหน
จบการทัวร์ศูนย์วิจัย แล้วเราก็กลับไทยในช่วงปิดเทอม
รู้สึกดีมาก ทำให้รู้ว่าการวิจัย (สายวิทย์) ก็มีประโยชน์กับชาวโลกอย่างนี้นี่เอง
แล้วก็ดีใจที่ได้เที่ยวใน Tsukuba รู้สึกว่ามันก็มีอะไรดีๆ เหมือนกันแฮะ
ตำแหน่ง:
สึกุบะ จังหวัดอิบะระกิ ญี่ปุ่น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)