จังหวัด Mie นี่เคยไปเฉพาะสวนสนุก Nashima Spaland ที่คนญี่ปุ่นในหอจัดไป
จาก Nagoya นั่งรถบัสไปไม่ไกลเท่าไร สวนนี้ใหญ่มาก มีส่วนที่เป็นสวนน้ำด้วย
แต่เราไปแค่ส่วนที่เป็นสวนสนุก มีเครื่องเล่นหวาดเสียวเยอะ
และก็มีส่วนที่เป็นร้านอาหารและร้านขายของเหมือนกัน แต่ครั้งนี้เน้นเล่นเครื่องเล่น
http://www.nagashima-onsen.co.jp/spaland/index.html/
ครั้งนี้ก็เล่นไปหลายเครื่องทั้งรถไฟเหาะ Free Fall ไวกิ้ง ไปจนถึงชิงช้าสวรรค์
มีช่วงที่ลงจากเครื่องเล่นแล้วมึนมากๆ เกือบอ๊วก ต้องนั่งพักสักครู่เลยทีเดียว
จะเรียกได้ว่ากลัวหรือเปล่านะ จริงๆ ไม่ได้กลัว เป็นโรคกลัวไปก่อน พอเล่นจริงก็สนุก
โดยเฉพาะเวลาเล่นกับเพื่อนที่จับมือแล้วกรี๊ดไปด้วยกัน แต่ถ้าไม่ได้เล่นก็ไม่นึกอยากเล่น
มาแนะนำเครื่องเล่นบางอย่างดีกว่านะ
Steel Dragon 2000
ตอนแรกที่สร้างเครื่องเล่นนี้มีส่วนที่สูงมากสุด ความเร็วสูงสุด ระยะที่ตกห่างสุด
แต่ตอนนี้โดนทำลายสถิติไปแล้ว เหลือแค่ว่าเป็นเครื่องเล่นที่มีความยาวมากที่สุด
ตรงที่ขึ้นไปถึงจุดสูงที่จะปล่อยลงมายาวมาก และน่ากลัวมาก แต่เล่นจริงๆ กลับไม่กลับ
เวลาที่ตกก็ไม่ได้เสียวขนาดนั้น สรุปว่าสนุกจนบางคนต้องขอไปต่อคิวเล่นอีกรอบ
มีถ่ายรูปตอนตกด้วย แต่ละคนทำหน้าแบบกรี๊ดได้ใจมาก
White Cyclone
วิกิพีเดียบอกว่าเป็นเครื่องเล่นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
เป็นเครื่องแรกที่เล่นในทริปนี้ ตอนแรกก็กลัวมากตามประสา
แต่สรุปว่าสนุกมาก รู้สึกว่าเครื่องนี้น่ากลัวกว่า Steel Dragon 2000 อีกนะ
รู้สึกมันส่ายแรง แต่ว่าก็เล่นไปกรี๊ดไป จับมือกับเพื่อนไป
แนะนำแค่สองเครื่องพอ จังหวัดนี้เคยไปแต่สวนสนุก แต่ก็ยังมีที่อื่นอีก
เช่นศาลเจ้าชื่อดังอิเสะ คราวหน้าต้องไปให้ได้เลย
วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
[SAITAMA] กินสตอร์เบอรี่ไม่อั้น และเที่ยวเมืองเก่า
ทริปสั้นๆ ไปเช้าเย็นกลับตอนเดือนก.พ.57 เช่ารถขับกันไป จำได้ว่าจองรถก่อนไปแค่วันเดียวเอง
ที่จังหวัด Saitama เคยไปมหาลัยเพื่อนตอนที่มาแลกเปลี่ยน จำอะไรไม่ค่อยได้มาก
แล้วก็เคยไปสถานี Omiya และเคยไปทัศนศึกษาที่โรงเรียนชื่อดังในจังหวัด
นอกจากนี้ก็เคยไปตลาดขายของเก่า (Flee Market) ในสนามอีกด้วย
Musashinoen Namiki
http://www.musashinoen-namiki.com/?cmd=read&page=berry
เคยไปกินสตอร์เบอรี่แถว Tsukuba หลายครั้ง ครั้งนี้เลยหาสวนใหม่ สวนนี้ก็ดีนะ
ราคา 1,500 เยน 45 นาที และจ่ายค่านมข้นหวานกับช็อคโกแลตไปอีก 100 เยน
วันนั้นมีเด็กตัวเล็กๆ มาน่ารักมาก เลยขอถ่ายรูปด้วย
Kawagoe
http://www.kawagoesansaku.com/
เป็นถนนที่มีบ้านเรือนแบบไม้อย่างญี่ปุ่นเก่าๆ แบบสมัยเอโดะ เรียกว่า Koedo
รู้จักที่นี่ตั้งแต่ตอนดูรายการ WGM ยงฮวา CN Blue และซอฮยอน SNSD ที่มาเดทที่นี่
ร้านอาหารหลายร้านก็ขายขนมญี่ปุ่นเช่นดังโกะ มีขนมที่ขายให้เดินกินเช่นขนมมัน
มีตรอกที่ขายขนม ก็มีขนมโบราณเช่นขนมแท่งสีดำๆ เดินไปซักพักก็มีวัด
แล้วถ้าเดินไปอีกนิดหน่อยก็จะมีส่วนที่คล้ายๆ วัง เข้าไปเป็นนิทรรศการ
สรุปว่าเมืองนี้ก็เดินติดต่อไปกันได้หมด แม้ส่วนที่เป็นวังจะหายากและเดินไกลหน่อย
ทริปนี้สั้นๆ พอเสร็จจากเมืองเก่าก็ไปแวะที่ Outlet เพื่อกินอาหารไทย
ชอบทริปนี้ รู้สึกดีที่ได้เห็นบ้านเมืองเก่าๆ ที่ยังอนุรักษ์กันไว้ดีอยู่
ที่จังหวัด Saitama เคยไปมหาลัยเพื่อนตอนที่มาแลกเปลี่ยน จำอะไรไม่ค่อยได้มาก
แล้วก็เคยไปสถานี Omiya และเคยไปทัศนศึกษาที่โรงเรียนชื่อดังในจังหวัด
นอกจากนี้ก็เคยไปตลาดขายของเก่า (Flee Market) ในสนามอีกด้วย
Musashinoen Namiki
http://www.musashinoen-namiki.com/?cmd=read&page=berry
เคยไปกินสตอร์เบอรี่แถว Tsukuba หลายครั้ง ครั้งนี้เลยหาสวนใหม่ สวนนี้ก็ดีนะ
ราคา 1,500 เยน 45 นาที และจ่ายค่านมข้นหวานกับช็อคโกแลตไปอีก 100 เยน
วันนั้นมีเด็กตัวเล็กๆ มาน่ารักมาก เลยขอถ่ายรูปด้วย
http://www.kawagoesansaku.com/
เป็นถนนที่มีบ้านเรือนแบบไม้อย่างญี่ปุ่นเก่าๆ แบบสมัยเอโดะ เรียกว่า Koedo
รู้จักที่นี่ตั้งแต่ตอนดูรายการ WGM ยงฮวา CN Blue และซอฮยอน SNSD ที่มาเดทที่นี่
ร้านอาหารหลายร้านก็ขายขนมญี่ปุ่นเช่นดังโกะ มีขนมที่ขายให้เดินกินเช่นขนมมัน
มีตรอกที่ขายขนม ก็มีขนมโบราณเช่นขนมแท่งสีดำๆ เดินไปซักพักก็มีวัด
แล้วถ้าเดินไปอีกนิดหน่อยก็จะมีส่วนที่คล้ายๆ วัง เข้าไปเป็นนิทรรศการ
สรุปว่าเมืองนี้ก็เดินติดต่อไปกันได้หมด แม้ส่วนที่เป็นวังจะหายากและเดินไกลหน่อย
ทริปนี้สั้นๆ พอเสร็จจากเมืองเก่าก็ไปแวะที่ Outlet เพื่อกินอาหารไทย
ชอบทริปนี้ รู้สึกดีที่ได้เห็นบ้านเมืองเก่าๆ ที่ยังอนุรักษ์กันไว้ดีอยู่
ตำแหน่ง:
ไซตะมะ จังหวัดไซตะมะ ญี่ปุ่น
วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
[NAGASAKI] เที่ยววัด สวนสันติภาพ และวิวกลางคืน
Nagasaki เคยไปสองรอบเหมือนจังหวัดอื่นๆ ใน Kyushu
รอบแรก ธ.ค.51 ขึ้นเครื่องจาก Okinawa ราคา 13,100 เยน
และไปต่อที่ Fukuoka ต่อ นั่งรถบัสราคา 2,500 เยน
รอบที่สอง มี.ค.55 นั่งรถไฟมาจาก Beppu และไปต่อที่ Fukuoka เหมือนกัน
ที่เที่ยวทั้งสองครั้งคล้ายๆ กัน แถมยังพักที่เดียวกันอีกต่างหาก
ที่ Nagasaki ใช้การเดินทางโดยรถรางเป็นหลัก คิดไปคิดมาก็เหมือนที่ Hiroshima
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเป็นเมืองที่โดนระเบิดเหมือนกันรึป่าว บรรยากาศเลยคล้ายๆ กัน
http://www.at-nagasaki.jp/
Meganebashi
http://www.nagasaki-tabinet.com/guide/95/
หรือสะพานรูปแว่นตา คือเป็นสะพานที่มีโค้งสองโค้ง พอสะท้อนกับน้ำเลยเป็นรูปแว่นตา
แถวๆ นั้นเป็นคลอง สองข้างทางเป็นทางเดิน และมีหินสูงๆ ข้างทาง มีหินที่ทำเป็นรูปหัวใจด้วย
Suwa Shrine
http://www.osuwasan.jp/
แถวหลังโฮสเทลที่พักมีวัดและศาลเจ้าเยอะแยะเต็มไปหมดเลย
ครั้งแรกไปเดินหลายวัด ครั้งที่สองไปไม่กี่วัดแต่ก็ไปวัดที่ใหญ่ๆ ด้วย
Nagasaki Shinchi Chinatown
http://www.nagasaki-chinatown.com/
จริงๆ ไม่ค่อยมีความทรงจำเกี่ยวกับที่นี่เท่าไหร่ จำได้ว่าไม่ได้ใหญ่และครึกครื้นมาก
อาหารขึ้นชื่อของ Nagasaki คือจัมปง ก็คล้ายๆ ราเม็ง ไม่แน่ใจว่ากินที่นี่รึป่าว
Nagasaki Peace Park
http://www.nagasaki-tabinet.com/detail/index_130.html
สวนสันติภาพ สวนใหญ่พอสมควร มีรูปปั้นประติมากรรมหลายๆ อย่างที่แสดงถึงสันติภาพ
ที่เด่นที่สุดก็คงเป็นรูปปั้นที่มีคนผายมือไปข้างบนและข้างๆ แล้วก็มีน้ำพุด้วย
ชอบสวนนี้นะ ร่มรื่นดี มีส่วนที่เป็นม้านั่ง แล้วก็ถนนใกล้ๆ สวนก็สวยดีเหมือนกัน
Nagasaki Atomic Bomb Museum
http://nagasakipeace.jp/japanese/abm.html
เดินไปไม่ไกลจากสวน ก็จะมีพิพิฒภัณฑ์เกี่ยวกับปรมาณู
ก็ได้เห็นความเสียหายจากระเบิด เห็นนาฬิกาที่หยุดเวลาตอนที่ระเบิดลง
ดูแล้วก็เศร้าหดหู่ ญี่ปุ่นคงจะได้รับความเสียหายจากระเบิดมากจริงๆ
Nagasaki Ropeway
http://www.nagasaki-ropeway.jp/
วิวที่ภูเขา Inasa อันนี้ก็ไปทั้งสองครั้ง ครั้งแรกคนที่โฮสเทลขับรถไปส่งถึงเขาเลย
วิวก็สวยมากเลย แต่ไปทั้งสองครั้งอากาศหนาวมาก
AKARI
http://www.nagasaki-hostel.com/index.html
พักโฮสต์เทลนี้ทั้งสองครั้ง เดินไปจากสถานีได้ แต่ว่าก็ไกลพอสมควร
คนที่โฮสต์เทลก็ใจดี ไปครั้งที่สองเหมือนจะจำเราได้ด้วย
Nagasaki ก็ยังถือว่าเที่ยวไม่ครบ มีสวนของเยอรมันที่ยังไม่ได้ไป
เดี๋ยวคงต้องได้ไป Kyushu อีกรอบ
รอบแรก ธ.ค.51 ขึ้นเครื่องจาก Okinawa ราคา 13,100 เยน
และไปต่อที่ Fukuoka ต่อ นั่งรถบัสราคา 2,500 เยน
รอบที่สอง มี.ค.55 นั่งรถไฟมาจาก Beppu และไปต่อที่ Fukuoka เหมือนกัน
ที่เที่ยวทั้งสองครั้งคล้ายๆ กัน แถมยังพักที่เดียวกันอีกต่างหาก
ที่ Nagasaki ใช้การเดินทางโดยรถรางเป็นหลัก คิดไปคิดมาก็เหมือนที่ Hiroshima
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเป็นเมืองที่โดนระเบิดเหมือนกันรึป่าว บรรยากาศเลยคล้ายๆ กัน
http://www.at-nagasaki.jp/
Meganebashi
http://www.nagasaki-tabinet.com/guide/95/
หรือสะพานรูปแว่นตา คือเป็นสะพานที่มีโค้งสองโค้ง พอสะท้อนกับน้ำเลยเป็นรูปแว่นตา
แถวๆ นั้นเป็นคลอง สองข้างทางเป็นทางเดิน และมีหินสูงๆ ข้างทาง มีหินที่ทำเป็นรูปหัวใจด้วย
Suwa Shrine
http://www.osuwasan.jp/
แถวหลังโฮสเทลที่พักมีวัดและศาลเจ้าเยอะแยะเต็มไปหมดเลย
ครั้งแรกไปเดินหลายวัด ครั้งที่สองไปไม่กี่วัดแต่ก็ไปวัดที่ใหญ่ๆ ด้วย
Nagasaki Shinchi Chinatown
http://www.nagasaki-chinatown.com/
จริงๆ ไม่ค่อยมีความทรงจำเกี่ยวกับที่นี่เท่าไหร่ จำได้ว่าไม่ได้ใหญ่และครึกครื้นมาก
อาหารขึ้นชื่อของ Nagasaki คือจัมปง ก็คล้ายๆ ราเม็ง ไม่แน่ใจว่ากินที่นี่รึป่าว
Nagasaki Peace Park
http://www.nagasaki-tabinet.com/detail/index_130.html
สวนสันติภาพ สวนใหญ่พอสมควร มีรูปปั้นประติมากรรมหลายๆ อย่างที่แสดงถึงสันติภาพ
ที่เด่นที่สุดก็คงเป็นรูปปั้นที่มีคนผายมือไปข้างบนและข้างๆ แล้วก็มีน้ำพุด้วย
ชอบสวนนี้นะ ร่มรื่นดี มีส่วนที่เป็นม้านั่ง แล้วก็ถนนใกล้ๆ สวนก็สวยดีเหมือนกัน
Nagasaki Atomic Bomb Museum
http://nagasakipeace.jp/japanese/abm.html
เดินไปไม่ไกลจากสวน ก็จะมีพิพิฒภัณฑ์เกี่ยวกับปรมาณู
ก็ได้เห็นความเสียหายจากระเบิด เห็นนาฬิกาที่หยุดเวลาตอนที่ระเบิดลง
ดูแล้วก็เศร้าหดหู่ ญี่ปุ่นคงจะได้รับความเสียหายจากระเบิดมากจริงๆ
Nagasaki Ropeway
http://www.nagasaki-ropeway.jp/
วิวที่ภูเขา Inasa อันนี้ก็ไปทั้งสองครั้ง ครั้งแรกคนที่โฮสเทลขับรถไปส่งถึงเขาเลย
วิวก็สวยมากเลย แต่ไปทั้งสองครั้งอากาศหนาวมาก
AKARI
http://www.nagasaki-hostel.com/index.html
พักโฮสต์เทลนี้ทั้งสองครั้ง เดินไปจากสถานีได้ แต่ว่าก็ไกลพอสมควร
คนที่โฮสต์เทลก็ใจดี ไปครั้งที่สองเหมือนจะจำเราได้ด้วย
Nagasaki ก็ยังถือว่าเที่ยวไม่ครบ มีสวนของเยอรมันที่ยังไม่ได้ไป
เดี๋ยวคงต้องได้ไป Kyushu อีกรอบ
ตำแหน่ง:
นะงะซะกิ จังหวัดนะงะซะกิ ญี่ปุ่น
วันอังคารที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
[SHIGA] เที่ยวเมือง Hikone ปราสาทและเมืองเก่า
จังหวัด Shiga ก็เป็นอีกที่ที่งงว่า ไปมาแล้วหรอ จริงๆ ไปมาเดือนก.พ.52
กับทริปของมหาลัย แต่รายละเอียดทริปเลือนรางมาก เดี๋ยวลงรูปและเขียนคร่าวๆแล้วกัน
http://www.biwako-visitors.jp/
Hikone
http://www.hikoneshi.com/jp/
เขียนรวมๆ เลยแล้วกันว่าเที่ยวประสาท บริเวณปราสาทก็ใหญ่ มีหินใหญ่ก็เดินดูรอบๆ
ส่วนตัวปราสาทเองไม่ใหญ่มาก พอออกมาจะมีบริเวณที่เป็นสวน มีอาคารแบบญี่ปุ่นและบึงอยู่
ต่อจากนั้นก็ไปย่านขายของเก่า เป็นถนนที่มีร้านขายของ ได้ถ่ายรูปกับมาสคอทเมืองนี้ด้วย
อย่างที่บอกว่าข้อมูลน้อยมาก คงต้องไปอีกซักรอบ
แถวนั้นรู้สึกว่ามีทะเลสาปดังด้วย อยากไปนั่งชิวๆ แถวทะเลสาป
กับทริปของมหาลัย แต่รายละเอียดทริปเลือนรางมาก เดี๋ยวลงรูปและเขียนคร่าวๆแล้วกัน
http://www.biwako-visitors.jp/
Hikone
http://www.hikoneshi.com/jp/
เขียนรวมๆ เลยแล้วกันว่าเที่ยวประสาท บริเวณปราสาทก็ใหญ่ มีหินใหญ่ก็เดินดูรอบๆ
ส่วนตัวปราสาทเองไม่ใหญ่มาก พอออกมาจะมีบริเวณที่เป็นสวน มีอาคารแบบญี่ปุ่นและบึงอยู่
ต่อจากนั้นก็ไปย่านขายของเก่า เป็นถนนที่มีร้านขายของ ได้ถ่ายรูปกับมาสคอทเมืองนี้ด้วย
อย่างที่บอกว่าข้อมูลน้อยมาก คงต้องไปอีกซักรอบ
แถวนั้นรู้สึกว่ามีทะเลสาปดังด้วย อยากไปนั่งชิวๆ แถวทะเลสาป
ตำแหน่ง:
Hikone, Shiga Prefecture, ญี่ปุ่น
[FUKUOKA] ขอพรเรื่องการเรียน และอาหารข้างถนน
เคยไป Fukuoka สองครั้งคือ ธ.ค.51 และ มี.ค.55 ขอเขียนรวมกันเช่นเคย
ครั้งแรก ไปจาก Nagasaki และไปต่อ Beppu
ครั้งที่สอง ไปจาก Nagasaki เช่นกัน แต่ไปต่อที่ Busan เกาหลี
ในตัวเมืองจำเรื่องการเดินทางไม่ค่อยได้ แต่คิดว่าใช้รถบัสค่อนข้างเยอะ
http://yokanavi.com/
Dazaifu
http://www.dazaifu.org/
อยู่ออกจากตัวเมือง Hakata ไปเล็กน้อย พอไปถึงก็จะมีถนนที่มีของขายเยอะ
และมีร้านสตาร์บั๊คที่ตกแต่งแบบใช้ไม้ ก็เป็นสตาร์บั๊คชื่อดังอีกที่นึง แถวนี้ก็มีวัดหลายวัด
Dazaifu Tenmangu
http://www.dazaifu.org/
วัดที่ดังที่สุดคงเป็นวัดนี้ มีชื่อดังเรื่องเกี่ยวกับการศึกษา จุดเด่นก็มีสะพานแดง
ส่วนตัวศาลเจ้าเองก็สีออกแดงๆ เหมือนกัน ได้ซื้อเครื่องรางเกี่ยวกับการศึกษามาด้วย
Komyozenji
http://www.dazaifu.org/map/tanbo/tourismmap/2.html
เป็นวัดที่อยู่ใกล้ๆ กับ Dazaifu Tenmangu เดินไปได้ แต่ไม่ค่อยมีคนเดินไป
เลยเงียบสงบดี วัดก็เป็นแบบญี่ปุ่นๆ และก็มีสวนแบบญี่ปุ่นด้วย
Ohori Park
http://www.ohorikouen.jp/
เป็นสวนสาธารณะที่อากาศดี มีสะพานยื่นออกไป และมีนกบินอยู่เยอะ
มีส่วนที่เป็นศาลาสีแดงยื่นไปในน้ำด้วย มีคนมาเดินเล่นเยอะเหมือนกัน
Canal City Hakata
http://canalcity.co.jp/
เป็นห้างในตัวเมือง Hakata ใหญ่มาก เคยไปกินซูชิจานเวียน
ตรงข้างล่างจะมีโชว์น้ำพุ และทางเดินจากสถานีมาห้างนี้ก็จะเจอกับอาหารรถเข็นหรือ Yatai
เคยเข้าไปกินครั้งนึง ราคาก็ไม่ใช่ถูกนะ แต่เราว่ามันเป็นสเน่ห์อย่างนึงของเมืองนี้
Tsubame no Mori Hiroba
http://www.jrhakatacity.com/floor/rf.php
อยู่บนดาดฟ้าของสถานีรถไฟ ตอนกลางคืนใช้ดูวิวในเมือง
แต่ตอนกลางวันก็มีกิจกรรมอื่นๆ และมีสวนด้วย ถือว่าใช้พื้นที่ได้ดี
Tabicolle Backpackers
http://www.tabicolle.com/
พักที่นี่ จำได้ว่าตอนพักนอนฟูกแบบห้องญี่ปุ่น แต่ในเว็บเป็นเตียงแล้ว
ที่นี่ก็ดี ให้เขาซักเสื้อผ้าให้ด้วย แล้วก็มีส่วนทำอาหาร ให้ทำอาหารเช้ากิน
จบการเที่ยว Fukuoka ช่วงนี้เสพเรื่องการท่องเที่ยว Kyushu เยอะ เลยอยากไปอีก
อยากไปตรงสวนที่ติดทะเล น่าจะบรรยากาศดีน่าดูเลย
ครั้งแรก ไปจาก Nagasaki และไปต่อ Beppu
ครั้งที่สอง ไปจาก Nagasaki เช่นกัน แต่ไปต่อที่ Busan เกาหลี
ในตัวเมืองจำเรื่องการเดินทางไม่ค่อยได้ แต่คิดว่าใช้รถบัสค่อนข้างเยอะ
http://yokanavi.com/
Dazaifu
http://www.dazaifu.org/
อยู่ออกจากตัวเมือง Hakata ไปเล็กน้อย พอไปถึงก็จะมีถนนที่มีของขายเยอะ
และมีร้านสตาร์บั๊คที่ตกแต่งแบบใช้ไม้ ก็เป็นสตาร์บั๊คชื่อดังอีกที่นึง แถวนี้ก็มีวัดหลายวัด
Dazaifu Tenmangu
http://www.dazaifu.org/
วัดที่ดังที่สุดคงเป็นวัดนี้ มีชื่อดังเรื่องเกี่ยวกับการศึกษา จุดเด่นก็มีสะพานแดง
ส่วนตัวศาลเจ้าเองก็สีออกแดงๆ เหมือนกัน ได้ซื้อเครื่องรางเกี่ยวกับการศึกษามาด้วย
Komyozenji
http://www.dazaifu.org/map/tanbo/tourismmap/2.html
เป็นวัดที่อยู่ใกล้ๆ กับ Dazaifu Tenmangu เดินไปได้ แต่ไม่ค่อยมีคนเดินไป
เลยเงียบสงบดี วัดก็เป็นแบบญี่ปุ่นๆ และก็มีสวนแบบญี่ปุ่นด้วย
Ohori Park
http://www.ohorikouen.jp/
เป็นสวนสาธารณะที่อากาศดี มีสะพานยื่นออกไป และมีนกบินอยู่เยอะ
มีส่วนที่เป็นศาลาสีแดงยื่นไปในน้ำด้วย มีคนมาเดินเล่นเยอะเหมือนกัน
Canal City Hakata
http://canalcity.co.jp/
เป็นห้างในตัวเมือง Hakata ใหญ่มาก เคยไปกินซูชิจานเวียน
ตรงข้างล่างจะมีโชว์น้ำพุ และทางเดินจากสถานีมาห้างนี้ก็จะเจอกับอาหารรถเข็นหรือ Yatai
เคยเข้าไปกินครั้งนึง ราคาก็ไม่ใช่ถูกนะ แต่เราว่ามันเป็นสเน่ห์อย่างนึงของเมืองนี้
Tsubame no Mori Hiroba
http://www.jrhakatacity.com/floor/rf.php
อยู่บนดาดฟ้าของสถานีรถไฟ ตอนกลางคืนใช้ดูวิวในเมือง
แต่ตอนกลางวันก็มีกิจกรรมอื่นๆ และมีสวนด้วย ถือว่าใช้พื้นที่ได้ดี
Tabicolle Backpackers
http://www.tabicolle.com/
พักที่นี่ จำได้ว่าตอนพักนอนฟูกแบบห้องญี่ปุ่น แต่ในเว็บเป็นเตียงแล้ว
ที่นี่ก็ดี ให้เขาซักเสื้อผ้าให้ด้วย แล้วก็มีส่วนทำอาหาร ให้ทำอาหารเช้ากิน
จบการเที่ยว Fukuoka ช่วงนี้เสพเรื่องการท่องเที่ยว Kyushu เยอะ เลยอยากไปอีก
อยากไปตรงสวนที่ติดทะเล น่าจะบรรยากาศดีน่าดูเลย
ตำแหน่ง:
ฟุกุโอะกะ จังหวัดฟุกุโอะกะ ญี่ปุ่น
วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
[HYOGO] Kobe หมู่บ้านชาวต่างชาติ และเมืองท่าสุดชิว
เมืองที่ดังที่สุดใน Hyogo คงหนีไม่พ้น Kobe เคยไปมาสองครั้งคือธ.ค.51 และก.ย.55
ครั้งแรกเดินทางโดยเรือมาจาก Beppu และวันต่อไปไป Osaka ต่อ
ครั้งที่สองเดินทางโดยรถไฟมาจาก Osaka คืนนั้นกลับไปขึ้นรถกลับ Tsukuba
ครั้งนี้ขอเขียนรวบเป็นครั้งเดียวเลย เนื่องจากจำเส้นทางไม่ได้ และไปคล้ายๆ กัน
http://www.feel-kobe.jp/
การเดินทางใน Kobe จำได้ว่าครั้งแรกใช้วิธีเดินเอาเป็นส่วนมาก
ส่วนครั้งที่สองเพื่อนพาขึ้นรถบัส City Loop ราคา 650 เยน
http://www.kctp.co.jp/outline/car/cityloop/
Kobe Beef
เนื้อ Kobe ก็เป็นเนื้อญี่ปุ่นอีกที่นึงที่ดังและราคาแพงมาก
ครั้งแรกเคยไปกินร้านที่ราคาจานละ 8,000 เยน ต้องขอเขาหารกันกินสองคน
ราคานี้ถูกสุดในร้านแล้ว แต่ก็ถือว่าคุ้ม เขาทำให้กินตรงหน้าเลย เนื้อก็นุ่มมาก
ครั้งที่สองเพื่อนพาไปกินร้านที่อยู่แถวสถานีชื่อ Steakland Kobekan
ที่นี่ไม่แพงมาก ราคาจานละประมาณ 3,000 เยน ถูกและอร่อย
http://steakland.jp/
Kitano Ijinkan-gai
http://www.kobeijinkan.com/
แถวๆ นี้สวย มีอาคารทางตะวันตกเยอะ เวลาเข้าแต่ละที่ต้องเสียงเงิน
เราเคยเข้าไปที่เดียวคือที่ Uroko no ie หรือบ้านเกล็ดปลา
ข้างในก็ตกแต่งแบบตะวันตกและชั้นบนสุดมีรูปวาดแสดงโชว์ไว้ด้วย
http://kobe-ijinkan.net/publics/index/77/&anchor_link=page77#page77
ตรงทางลงหมู่บ้านต่างชาติมีคาเฟ่หลายร้านตกแต่งสวย รวมทั้งสตาร์บั๊คที่ใช้อาคารเก่าเป็นร้านด้วย
Nankinmachi
http://www.nankinmachi.or.jp/index.html
China Town ใจกลางเมือง ตอนมาครั้งแรกเราทานอาหารกลางวันที่นี่
แล้วเดินไปที่แถวอ่าว ครั้งที่สองไม่ได้ไป
Kobe Harbor
http://www.city.kobe.lg.jp/life/access/harbor/
มาแถวนี้ก็จะเห็น Kobe Tower ตอนกลางคืนจะเปิดไฟ กับอาคารรูปเรือใบ
และมีห้างให้เดินคือ Harbor Land http://www.harborland.co.jp/
อยากไป Kobe ช่วงที่ประดับไฟคริสต์มาสเป็นซุ้มอีก เห็นรูปแล้วสวยมาก
แล้วจังหวัด Hyogo ก็มีที่ที่ไม่เคยไปเช่น Himeji เลยอยากไปอีก
ครั้งแรกเดินทางโดยเรือมาจาก Beppu และวันต่อไปไป Osaka ต่อ
ครั้งที่สองเดินทางโดยรถไฟมาจาก Osaka คืนนั้นกลับไปขึ้นรถกลับ Tsukuba
ครั้งนี้ขอเขียนรวบเป็นครั้งเดียวเลย เนื่องจากจำเส้นทางไม่ได้ และไปคล้ายๆ กัน
http://www.feel-kobe.jp/
การเดินทางใน Kobe จำได้ว่าครั้งแรกใช้วิธีเดินเอาเป็นส่วนมาก
ส่วนครั้งที่สองเพื่อนพาขึ้นรถบัส City Loop ราคา 650 เยน
http://www.kctp.co.jp/outline/car/cityloop/
Kobe Beef
เนื้อ Kobe ก็เป็นเนื้อญี่ปุ่นอีกที่นึงที่ดังและราคาแพงมาก
ครั้งแรกเคยไปกินร้านที่ราคาจานละ 8,000 เยน ต้องขอเขาหารกันกินสองคน
ราคานี้ถูกสุดในร้านแล้ว แต่ก็ถือว่าคุ้ม เขาทำให้กินตรงหน้าเลย เนื้อก็นุ่มมาก
ครั้งที่สองเพื่อนพาไปกินร้านที่อยู่แถวสถานีชื่อ Steakland Kobekan
ที่นี่ไม่แพงมาก ราคาจานละประมาณ 3,000 เยน ถูกและอร่อย
http://steakland.jp/
Kitano Ijinkan-gai
http://www.kobeijinkan.com/
แถวๆ นี้สวย มีอาคารทางตะวันตกเยอะ เวลาเข้าแต่ละที่ต้องเสียงเงิน
เราเคยเข้าไปที่เดียวคือที่ Uroko no ie หรือบ้านเกล็ดปลา
ข้างในก็ตกแต่งแบบตะวันตกและชั้นบนสุดมีรูปวาดแสดงโชว์ไว้ด้วย
http://kobe-ijinkan.net/publics/index/77/&anchor_link=page77#page77
ตรงทางลงหมู่บ้านต่างชาติมีคาเฟ่หลายร้านตกแต่งสวย รวมทั้งสตาร์บั๊คที่ใช้อาคารเก่าเป็นร้านด้วย
Nankinmachi
http://www.nankinmachi.or.jp/index.html
China Town ใจกลางเมือง ตอนมาครั้งแรกเราทานอาหารกลางวันที่นี่
แล้วเดินไปที่แถวอ่าว ครั้งที่สองไม่ได้ไป
Kobe Harbor
http://www.city.kobe.lg.jp/life/access/harbor/
มาแถวนี้ก็จะเห็น Kobe Tower ตอนกลางคืนจะเปิดไฟ กับอาคารรูปเรือใบ
และมีห้างให้เดินคือ Harbor Land http://www.harborland.co.jp/
อยากไป Kobe ช่วงที่ประดับไฟคริสต์มาสเป็นซุ้มอีก เห็นรูปแล้วสวยมาก
แล้วจังหวัด Hyogo ก็มีที่ที่ไม่เคยไปเช่น Himeji เลยอยากไปอีก
ตำแหน่ง:
โคเบะ จังหวัดเฮียวโงะ ญี่ปุ่น
วันอาทิตย์ที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
[GIFU] หมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณ ต่างฤดู ต่างบรรยากาศ
Shirakawago ก็เป็นที่เที่ยวอีกแห่งทีตอนนี้คนไทยแห่กันไปเยอะ
ที่นี่เป็นหมู่บ้านญี่ปุ่นแบบโบราณ บ้านจะสร้างโดยทำหลังคาเป็นรูปพนมมือ
ก็คือเป็นรูปสามเหลี่ยม เพื่อป้องกันไม่ให้หลังคาพังถ้าหิมะตกเยอะ
http://www.shirakawa-go.gr.jp/top/
เรามีโอกาสได้ไปที่นี่สองครั้งคือตอนเดือนเม.ย.ปี 52 และธ.ค. 56
รอบแรกไปตอนฤดูใบไม้ผลิ ส่วนรอบสองไปตอนฤดูหนาว ซึ่งบรรยากาศต่างกันมาก
โพสต์นี้จึงมาเล่าและลงรูปว่าแต่ละฤดูเป็นยังไงบ้าง
รอบแรก เม.ย.52 ฤดูใบไม้ผลิ ไปทริปกับมหาลัย จำได้ว่านั่งรถจาก Nagoya นานมาก
ที่หมู่บ้านก็แห้งแล้งไม่ค่อยมีอะไร มีซากุระเป็นต้นๆ ให้ดู มีส่วนที่เป็นร้านค้าขายของ
มีร้านอาหาร เรากับเพื่อนๆ ก็ไปนั่งกินโซบะ หลังจากนั้นก็เข้าบ้านบางหลัง
บ้านบางหลังข้างในก็เป็นคล้ายๆ พิพิฒภัณฑ์ จำลองสภาพบ้านในสมัยนั้นให้ดู
ก็มีส่วนที่เจาะพื้นเพื่อจุดไฟ แขวนหม้อไว้บนนั้น ไม่ก็เสียบปลาเพื่อเผา
แล้วก็ได้เดินขึ้นเนินไปชมวิวข้างบน จะเห็นหมู่บ้านทั้งหมดในมุมสูง
รอบสอง ธ.ค.56 ตอนนั้นอยู่ Takayama อยู่แล้ว เลยนั่งรถมาไม่ไกลมาก
มีรถบัสออกจาก Takayama หลายสาย บางรอบต้องจอง
ส่วนรอบที่ไม่ต้องจอง เขาบอกว่าถึงรถเต็มก็จะออกคันใหม่ให้ ยังไงก็ได้ไป
ครั้งนี้ฟินตั้งแต่นั่งรถไปแล้ว เพราะรถจะขับผ่านภูเขาสวยๆ ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
พอไปถึงหมู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไรมาก นอกจากเล่นหิมะ นอนบนหิมะ เดินฝ่าหิมะ
เพื่อนเราถ่ายเอ็มวี Walking in the winter wonderland ซึ่งถ่ายไปขำไปมาก
ครั้งนี้ไม่ได้สนใจเข้าไปในบ้านในเป็นพิเศษเลย และก็ไม่ได้ขึ้นไปดูวิวข้างบนด้วย
ครั้งก่อนเดินขึ้นไปได้ แต่ครั้งนี้จะต้องนั่งรถไป และรอบรถก็ไม่ทัน รถที่จะกลับสถานีด้วย
หลายคนบอกว่าชอบที่หมู่บ้านนี้มาก แต่เราเฉยๆ นะ
แต่ก็อยากลองพักแบบโฮมสเตย์ในหมู่บ้านนี้เลยเหมือนกัน
ที่นี่เป็นหมู่บ้านญี่ปุ่นแบบโบราณ บ้านจะสร้างโดยทำหลังคาเป็นรูปพนมมือ
ก็คือเป็นรูปสามเหลี่ยม เพื่อป้องกันไม่ให้หลังคาพังถ้าหิมะตกเยอะ
http://www.shirakawa-go.gr.jp/top/
เรามีโอกาสได้ไปที่นี่สองครั้งคือตอนเดือนเม.ย.ปี 52 และธ.ค. 56
รอบแรกไปตอนฤดูใบไม้ผลิ ส่วนรอบสองไปตอนฤดูหนาว ซึ่งบรรยากาศต่างกันมาก
โพสต์นี้จึงมาเล่าและลงรูปว่าแต่ละฤดูเป็นยังไงบ้าง
รอบแรก เม.ย.52 ฤดูใบไม้ผลิ ไปทริปกับมหาลัย จำได้ว่านั่งรถจาก Nagoya นานมาก
ที่หมู่บ้านก็แห้งแล้งไม่ค่อยมีอะไร มีซากุระเป็นต้นๆ ให้ดู มีส่วนที่เป็นร้านค้าขายของ
มีร้านอาหาร เรากับเพื่อนๆ ก็ไปนั่งกินโซบะ หลังจากนั้นก็เข้าบ้านบางหลัง
บ้านบางหลังข้างในก็เป็นคล้ายๆ พิพิฒภัณฑ์ จำลองสภาพบ้านในสมัยนั้นให้ดู
ก็มีส่วนที่เจาะพื้นเพื่อจุดไฟ แขวนหม้อไว้บนนั้น ไม่ก็เสียบปลาเพื่อเผา
แล้วก็ได้เดินขึ้นเนินไปชมวิวข้างบน จะเห็นหมู่บ้านทั้งหมดในมุมสูง
รอบสอง ธ.ค.56 ตอนนั้นอยู่ Takayama อยู่แล้ว เลยนั่งรถมาไม่ไกลมาก
มีรถบัสออกจาก Takayama หลายสาย บางรอบต้องจอง
ส่วนรอบที่ไม่ต้องจอง เขาบอกว่าถึงรถเต็มก็จะออกคันใหม่ให้ ยังไงก็ได้ไป
ครั้งนี้ฟินตั้งแต่นั่งรถไปแล้ว เพราะรถจะขับผ่านภูเขาสวยๆ ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ
พอไปถึงหมู่บ้านก็ไม่ได้ทำอะไรมาก นอกจากเล่นหิมะ นอนบนหิมะ เดินฝ่าหิมะ
เพื่อนเราถ่ายเอ็มวี Walking in the winter wonderland ซึ่งถ่ายไปขำไปมาก
ครั้งนี้ไม่ได้สนใจเข้าไปในบ้านในเป็นพิเศษเลย และก็ไม่ได้ขึ้นไปดูวิวข้างบนด้วย
ครั้งก่อนเดินขึ้นไปได้ แต่ครั้งนี้จะต้องนั่งรถไป และรอบรถก็ไม่ทัน รถที่จะกลับสถานีด้วย
หลายคนบอกว่าชอบที่หมู่บ้านนี้มาก แต่เราเฉยๆ นะ
แต่ก็อยากลองพักแบบโฮมสเตย์ในหมู่บ้านนี้เลยเหมือนกัน
[NIIGATA] สรุปว่าเคยไปเล่นสโนว์บอร์ดที่นี่ Akakura Onsen
จังหวัด Niigata ตอนแรกคิดว่าไม่เคยไป แต่พอมาดูรูปอีกที ปรากฏว่าเคยไปเล่นสโนว์บอร์ดที่นี่นี่นา
ไปตอนเดินม.ค.55 เพื่อนคนญี่ปุ่นซื้อทัวร์ให้จาก Tsukuba นั่งรถ และไปขึ้นรถอีกทีที่ Shinjuku
ค่าทัวร์รวมทั้งหมด 7,300 เยน แต่ต้องเสียค่ากระเช้าและค่าเช่าอุปกรณ์อีก 500 เยน
http://www.niigata-kankou.or.jp/
Akakuraonsen Ski Area
http://www.akakura-ski.com/
รถที่ไปจาก Shinjuku ค่อนข้างอึดอัด เพราะที่นั่งแคบไปหน่อย
มีแวะระหว่างทาง และได้เห็นหิมะตก เป็นหิมะครั้งแรกของปีนั้น
พอไปถึงแถวๆ ลานสกีแล้วก็มีหิมะถมอยู่มาก ถึงก็ไปเช่าอุปกรณ์และชุด
แล้วก็ไปเปลี่ยนชุดฝากของ เดินไปลานสกี ขึ้นลิฟท์ไปบนเนินเพื่อสโนว์บอร์ดลงมา
เราเคยไปสกีแล้วก่อนหน้านั้น แต่ว่ากลัวความเร็วแบบเบรคไม่ได้ เลยไม่กล้าเล่น
ครั้งนี้ลองสโนว์บอร์ดดู เผื่อจะเล่นง่ายขึ้น แต่ก็ยังเล่นไม่ได้อยู่ดี
หลายคนบอกว่าต้องหัดล้มแล้วก็จะบังคับเป็นเอง แต่ก็ยังกลัวอยู่ดี
เราเลยใช้วิธีเดียวกับที่เล่นสกีครั้งที่แล้ว...คือนั่งกระเช้าลงไปข้างล่างลานสกี
รอเพื่อนอยู่ข้างล่าง พอเจอกันตอนเที่ยงก็ขึ้นไปอีกรอบ ไปกินอาหารกลางวัน
กะว่าจะลองเล่นอีกรอบ แต่ว่าก็ยังกลัวอยู่ดี เลยนั่งกระเช้าลงไปรอเพื่อนเหมือนเคย
นัดเวลากันกะว่าจะไปออนเซ็นต่อ แต่เพื่อนเล่นล้มๆลุกๆ สรุปเจอกันตอนใกล้เวลาขึ้นรถ
เลยไม่ได้ไปออนเซ็นเลย รีบไปเปลี่ยนชุดแล้วมาขึ้นรถต่อ ซึ่งรถก็อึดอัดเหมือนเดิม
ไม่รู้เมื่อไรเราจะกล้าเล่นพวกสกีหรือสโนว์บอร์ดซะทีนะ
ไม่ได้กลัวความสูง บางคนที่เล่นสกีได้ยังไม่กล้าขึ้นลงกระเช้าเลย แต่เรากล้า
ขอลงรูปรวมๆ กันไปเลยละกัน สำหรับจังหวัด Niigata น่าจะมีที่เที่ยวอีกเยอะ ไว้ไปคราวหน้า
ไปตอนเดินม.ค.55 เพื่อนคนญี่ปุ่นซื้อทัวร์ให้จาก Tsukuba นั่งรถ และไปขึ้นรถอีกทีที่ Shinjuku
ค่าทัวร์รวมทั้งหมด 7,300 เยน แต่ต้องเสียค่ากระเช้าและค่าเช่าอุปกรณ์อีก 500 เยน
http://www.niigata-kankou.or.jp/
Akakuraonsen Ski Area
http://www.akakura-ski.com/
รถที่ไปจาก Shinjuku ค่อนข้างอึดอัด เพราะที่นั่งแคบไปหน่อย
มีแวะระหว่างทาง และได้เห็นหิมะตก เป็นหิมะครั้งแรกของปีนั้น
พอไปถึงแถวๆ ลานสกีแล้วก็มีหิมะถมอยู่มาก ถึงก็ไปเช่าอุปกรณ์และชุด
แล้วก็ไปเปลี่ยนชุดฝากของ เดินไปลานสกี ขึ้นลิฟท์ไปบนเนินเพื่อสโนว์บอร์ดลงมา
เราเคยไปสกีแล้วก่อนหน้านั้น แต่ว่ากลัวความเร็วแบบเบรคไม่ได้ เลยไม่กล้าเล่น
ครั้งนี้ลองสโนว์บอร์ดดู เผื่อจะเล่นง่ายขึ้น แต่ก็ยังเล่นไม่ได้อยู่ดี
หลายคนบอกว่าต้องหัดล้มแล้วก็จะบังคับเป็นเอง แต่ก็ยังกลัวอยู่ดี
เราเลยใช้วิธีเดียวกับที่เล่นสกีครั้งที่แล้ว...คือนั่งกระเช้าลงไปข้างล่างลานสกี
รอเพื่อนอยู่ข้างล่าง พอเจอกันตอนเที่ยงก็ขึ้นไปอีกรอบ ไปกินอาหารกลางวัน
กะว่าจะลองเล่นอีกรอบ แต่ว่าก็ยังกลัวอยู่ดี เลยนั่งกระเช้าลงไปรอเพื่อนเหมือนเคย
นัดเวลากันกะว่าจะไปออนเซ็นต่อ แต่เพื่อนเล่นล้มๆลุกๆ สรุปเจอกันตอนใกล้เวลาขึ้นรถ
เลยไม่ได้ไปออนเซ็นเลย รีบไปเปลี่ยนชุดแล้วมาขึ้นรถต่อ ซึ่งรถก็อึดอัดเหมือนเดิม
ไม่รู้เมื่อไรเราจะกล้าเล่นพวกสกีหรือสโนว์บอร์ดซะทีนะ
ไม่ได้กลัวความสูง บางคนที่เล่นสกีได้ยังไม่กล้าขึ้นลงกระเช้าเลย แต่เรากล้า
ขอลงรูปรวมๆ กันไปเลยละกัน สำหรับจังหวัด Niigata น่าจะมีที่เที่ยวอีกเยอะ ไว้ไปคราวหน้า
ป้ายกำกับ:
AkakuraOnsen,
Chubu,
Japan,
Niigata,
Winter
ตำแหน่ง:
ญี่ปุ่น 〒949-2111 新潟県妙高市関山 赤倉温泉スキー場
[KYOTO] นอกจากวัดมีอะไรเที่ยวบ้าง
Kyoto เมืองหลวงเก่าของญี่ปุ่น เราได้มีโอกาสไปสี่ครั้ง โพสต์นี้เป็นส่วนหนึ่งของทริปพ.ย.56
พูดถึง Kyoto หลายๆ คนคงนึกถึงวัด บรรยากาศเก่าแบบญี่ปุ่นๆ คู่กับไปไม้เปลี่ยนสี
เราลองมาสวนกระแสกันดูสิว่า นอกจากวัดแล้วเนี่ย มีอะไรให้เที่ยวหรือกินอีกบ้าง
Tintoy Museum
http://kyoto-tintoy.jp/
ป็นพิพิธภัณฑ์ของนักสะสมของเล่นชื่อ Takayama Toyoji
เดินทางโดยรถไฟ Hankyu ไปลง Oomiya จากสถานีเดินไปเล็กน้อย
ได้เจอ Takayama Toyoji เป็นคุณลุงซึ่งอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ตลอดเลย
ลองเอาชื่อคุณลุงไปเสิร์ชแล้วก็มีบทสัมภาษณ์แกเยอะอยู่เหมือนกันนะ
คุณลุงแนะนำอย่างภาคภูมิใจว่าตุ๊กตาตัวนี้มีที่มาอะไรยังไง
แต่ก็มีของเล่นเยอะมากกกกก จริงๆ คุณลุงบอกว่านี่แค่ส่วนนึงเท่านั้น
มีพวกหุ่นยนต์ที่ให้ยืมไปเล่นละคร หุ่นยนต์ที่มีแค่สี่ตัวในญี่ปุ่น ฯลฯ สนุกดี
ค่าเข้านี่ 300 เยนแล้วถ้าจะถ่ายรูป ต้องจ่ายอีก 100 เยน
Kyoto Aquarium
http://www.kyoto-aquarium.com/
จากสถานี Kyoto นั่งรถบัสมา Aquarium มีรถมาหลายสาย เราขึ้นที่ป้าย B2
ความจริงอยู่ใกล้สถานีมาก น่าจะเดินไปได้ แต่ว่าเหนื่อยแล้วเลยขึ้นรถดีกว่า
ที่นี่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ตรงทางเข้ามีสนามหญ้ากว้างๆ ได้ไปถ่ายรูปกระโดดเล่นด้วย
พอเข้าไปก็มีสัตว์น้ำหลายอย่าง ที่นี่จุดขายของเค้าคือตัวซาลาแมนเดอร์ ญี่ปุ่น ซึ่งน่าเกลียดมากๆ
แล้วก็มีปลาอื่นๆ สีสันสวยงาม ปลาที่ว่ายเป็นฝูง นีโม มีแมวน้ำ และเพนกวินด้วย
โชว์โลมาที่นี่ก็ดี ประกอบกับโชว์กลางแจ้ง เห็นใบไม้แดงข้างนอกและแสงตอนนั้นก็สวยเลยสวย
แต่โดยรวมรู้สึกว่าตัว Aquarium เล็กไปหน่อยนะ เดินไม่กี่ชั่วโมงก็ทั่วแล้ว
Nakamura-Ken
http://www.nakamuraken.co.jp/
เป็นร้านใกล้ๆ บ้านเพื่อน เป็นร้านชาแล้วก็มีขนมญี่ปุ่นด้วย ได้กินโมจิและดังโกะอร่อยมากๆ
บรรยากาศร้านก็ญี่ปุ่นๆ มาก ข้างในเป็นห้องญี่ปุ่น ข้างนอกเป็นสวน
Katsukura
http://www.fukunaga-tf.com/katsukura/index.html
ร้านนี้ก็เดินจากพิพิฒภัณฑ์ของเล่นมาได้ แต่ร้านอยู่ในซอยตอนแรกเลยหาไม่เจอ
เรากินเมนูแนะนำของวันนี้มี Nikujaga หมูต้มด้วย อร่อยมาก
มีน้ำจิ้มให้เลือกแบบธรรมดากับแบบข้นพิเศษและน้ำสลัดก็เป็นน้ำส้มยูสึ
Tamago to Watashi
http://www.n-rs.co.jp/brand/tamago.html
ที่สถานี Kyoto มีของกินหลายอย่าง วันนี้ไปกินข้าวห่อไข่ ร้านอยู่ที่ใต้สถานี
ตอนเราไปมีพนักงานคนเดียวทำทุกอย่างเลยรับออเดอร์ กับเสิร์ฟช้าไปหน่อย
กินเสร็จนั่งรถจาก Kyoto ไป Okayama ค่ารถ 3,500 แต่มีราคานักเรียน 2,500 เยนด้วย
โพสต์นี้ค่อนข้างสะเปะสะปะหน่อย แต่อยากให้รู้ว่านอกจากวัดก็มีอีกหลายอย่างนะ
ต่อไปจะมาโพสต์เรื่องวัดและเรื่องใบไม้แดง อยากไปอีกจัง
พูดถึง Kyoto หลายๆ คนคงนึกถึงวัด บรรยากาศเก่าแบบญี่ปุ่นๆ คู่กับไปไม้เปลี่ยนสี
เราลองมาสวนกระแสกันดูสิว่า นอกจากวัดแล้วเนี่ย มีอะไรให้เที่ยวหรือกินอีกบ้าง
Tintoy Museum
http://kyoto-tintoy.jp/
ป็นพิพิธภัณฑ์ของนักสะสมของเล่นชื่อ Takayama Toyoji
เดินทางโดยรถไฟ Hankyu ไปลง Oomiya จากสถานีเดินไปเล็กน้อย
ได้เจอ Takayama Toyoji เป็นคุณลุงซึ่งอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ตลอดเลย
ลองเอาชื่อคุณลุงไปเสิร์ชแล้วก็มีบทสัมภาษณ์แกเยอะอยู่เหมือนกันนะ
คุณลุงแนะนำอย่างภาคภูมิใจว่าตุ๊กตาตัวนี้มีที่มาอะไรยังไง
แต่ก็มีของเล่นเยอะมากกกกก จริงๆ คุณลุงบอกว่านี่แค่ส่วนนึงเท่านั้น
มีพวกหุ่นยนต์ที่ให้ยืมไปเล่นละคร หุ่นยนต์ที่มีแค่สี่ตัวในญี่ปุ่น ฯลฯ สนุกดี
ค่าเข้านี่ 300 เยนแล้วถ้าจะถ่ายรูป ต้องจ่ายอีก 100 เยน
Kyoto Aquarium
http://www.kyoto-aquarium.com/
จากสถานี Kyoto นั่งรถบัสมา Aquarium มีรถมาหลายสาย เราขึ้นที่ป้าย B2
ความจริงอยู่ใกล้สถานีมาก น่าจะเดินไปได้ แต่ว่าเหนื่อยแล้วเลยขึ้นรถดีกว่า
ที่นี่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ตรงทางเข้ามีสนามหญ้ากว้างๆ ได้ไปถ่ายรูปกระโดดเล่นด้วย
พอเข้าไปก็มีสัตว์น้ำหลายอย่าง ที่นี่จุดขายของเค้าคือตัวซาลาแมนเดอร์ ญี่ปุ่น ซึ่งน่าเกลียดมากๆ
แล้วก็มีปลาอื่นๆ สีสันสวยงาม ปลาที่ว่ายเป็นฝูง นีโม มีแมวน้ำ และเพนกวินด้วย
โชว์โลมาที่นี่ก็ดี ประกอบกับโชว์กลางแจ้ง เห็นใบไม้แดงข้างนอกและแสงตอนนั้นก็สวยเลยสวย
แต่โดยรวมรู้สึกว่าตัว Aquarium เล็กไปหน่อยนะ เดินไม่กี่ชั่วโมงก็ทั่วแล้ว
Nakamura-Ken
http://www.nakamuraken.co.jp/
เป็นร้านใกล้ๆ บ้านเพื่อน เป็นร้านชาแล้วก็มีขนมญี่ปุ่นด้วย ได้กินโมจิและดังโกะอร่อยมากๆ
บรรยากาศร้านก็ญี่ปุ่นๆ มาก ข้างในเป็นห้องญี่ปุ่น ข้างนอกเป็นสวน
Katsukura
http://www.fukunaga-tf.com/katsukura/index.html
ร้านนี้ก็เดินจากพิพิฒภัณฑ์ของเล่นมาได้ แต่ร้านอยู่ในซอยตอนแรกเลยหาไม่เจอ
เรากินเมนูแนะนำของวันนี้มี Nikujaga หมูต้มด้วย อร่อยมาก
มีน้ำจิ้มให้เลือกแบบธรรมดากับแบบข้นพิเศษและน้ำสลัดก็เป็นน้ำส้มยูสึ
Tamago to Watashi
http://www.n-rs.co.jp/brand/tamago.html
ที่สถานี Kyoto มีของกินหลายอย่าง วันนี้ไปกินข้าวห่อไข่ ร้านอยู่ที่ใต้สถานี
ตอนเราไปมีพนักงานคนเดียวทำทุกอย่างเลยรับออเดอร์ กับเสิร์ฟช้าไปหน่อย
กินเสร็จนั่งรถจาก Kyoto ไป Okayama ค่ารถ 3,500 แต่มีราคานักเรียน 2,500 เยนด้วย
โพสต์นี้ค่อนข้างสะเปะสะปะหน่อย แต่อยากให้รู้ว่านอกจากวัดก็มีอีกหลายอย่างนะ
ต่อไปจะมาโพสต์เรื่องวัดและเรื่องใบไม้แดง อยากไปอีกจัง
ตำแหน่ง:
เคียวโตะ จังหวัดเคียวโตะ ญี่ปุ่น
วันเสาร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
[OITA] Beppu เมืองแห่งน้ำพุร้อน ออนเซ็นทรายดำ
เมือง Beppu จังหวัด Oita เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงเรื่องออนเซ็น จะเห็นควันลอยออกมากลางเมือง
กลิ่นก็จะเป็นแบบออนเซ็นๆ ทั้งเมือง เคยไปมาสองครั้งตอนเดือนธ.ค.51 และมี.ค. 55
ธ.ค.51 นั่งรถบัสจาก Fukuoka มา ส่วนมี.ค.55 ขึ้นรถไฟมาจาก Kumamoto
ขอรวบบันทึกไว้ในคราวเดียว เนื่องจากไปที่คล้ายๆ กัน และข้อมูลการเดินทางไม่ปึ้กทั้งคู่
http://www.beppu-navi.jp/
APU : Ritsumeikan Asia Pacific University
http://www.apu.ac.jp/home/
มหาลัยนี้ได้ยินชื่อมานาน เด็กไทยมาเรียนป.ตรีเยอะ ส่วนเด็กต่างชาติก็เยอะเหมือนกัน
ครั้งนี้ได้มา เพราะเป็นมหาลัยของเพื่อนของเพื่อน นั่งรถขึ้นเขามา ตัวมหาลัยก็เล็กๆ มีไม่กี่คณะ
Beppu Kaihin Sunayu
https://www.city.beppu.oita.jp/01onsen/02shiei/09kaihin/kaihin.html
ถือเป็นไฮไลท์เลยก็ว่าได้ คือออนเซ็นแบบแช่ทรายดำ
ตอนแรกก็อาบน้ำก่อน แล้วก็ไปนอนตรงทรายดำและเขาก็จะถมทับตัวเราให้
ซักพักก็เอาออกและไปอาบน้ำ ตรงที่นอนเป็นทรายหาด เห็นทะเลด้วย
Beppu Jigoku Meguri
http://www.beppu-jigoku.com/
ก็เป็นการไปดูบ่อออนเซ็นหลายๆแบบ ทั้งบ่อน้ำแดงที่เรียกว่าบ่อเลือด น้ำโคลนสีเทา น้ำสีฟ้า
บางที่มีน้ำตก น้ำพุ บางที่มีให้แช่เท้า บางที่มีไข่ต้มให้ซื้อกิน บางที่มีเลี้ยงสัตว์เช่นจระเข้
บางที่ก็มีศาลเจ้าอยู่ใกล้ๆ และบางที่ก็มีไอขึ้นเยอะมาก จนแทบเดินไม่ได้เลย
Jigoku Mushi
http://www.city.beppu.oita.jp/06sisetu/annai/11kankou/11-17jikgokumushi.html
เป็นการทำอาหารโดยนึ่งจากไอน้ำจากออนเซ็น เมนูก็มีซีฟู้ด เนื้อสัตว์ ผักต่างๆ
แต่ละเมนูก็มีเวลาในการนึ่งต่างกัน เราจะได้ไปนึ่งกันเองเลยเป็นหม้อนึ่งแบบไม้สาน
ใกล้ๆ ร้านมีออนเซ็นเท้าด้วย มีไม้ที่อบเท้า ซึ่งน้ำร้อนมาก
Khaosan Beppu
http://www.khaosan-tokyo.com/ja/beppu/
โรงแรมในเครือข้าวสาร ที่เจ้าของชอบซอยข้าวสารของไทย
ที่พักมีออนเซ็น ซึ่งเราก็ไปทำวีรกรรม คือทำกุญแจห้องตกไปในตะแกรงไม้หน้าห้องอาบน้ำ
แต่สุดท้ายก็หยิบได้ โชคดี ไม่งั้นต้องเสียเงินค่าทำกุญแจหาย
แล้วก็มีบาร์ด้วย เลยได้ไปดื่มกันเล็กน้อย
ส่วนครั้งก่อนหน้านี้ พักบ้านเพื่อนของเพื่อนที่เรียนอยู่ที่นั่น
ครั้งแรกจาก Beppu ไปต่อ Kobe โดยขึ้นเรือ นอนคืนนึงถึงเช้า
เรือใหญ่มากมีห้องอาบน้ำ ส่วนขายอาหาร ฯลฯ แต่นอนห้องรวม แบบปูฟูกนอนกับพื้น
ส่วนครั้งที่สองนั่งรถไฟไป Nagasaki ต่อ
จังหวัดนี้ อยากไปเมือง Yufuin อีก แล้วก็อยากนั่งรถไฟสายสวยๆ ด้วย
กลิ่นก็จะเป็นแบบออนเซ็นๆ ทั้งเมือง เคยไปมาสองครั้งตอนเดือนธ.ค.51 และมี.ค. 55
ธ.ค.51 นั่งรถบัสจาก Fukuoka มา ส่วนมี.ค.55 ขึ้นรถไฟมาจาก Kumamoto
ขอรวบบันทึกไว้ในคราวเดียว เนื่องจากไปที่คล้ายๆ กัน และข้อมูลการเดินทางไม่ปึ้กทั้งคู่
http://www.beppu-navi.jp/
APU : Ritsumeikan Asia Pacific University
http://www.apu.ac.jp/home/
มหาลัยนี้ได้ยินชื่อมานาน เด็กไทยมาเรียนป.ตรีเยอะ ส่วนเด็กต่างชาติก็เยอะเหมือนกัน
ครั้งนี้ได้มา เพราะเป็นมหาลัยของเพื่อนของเพื่อน นั่งรถขึ้นเขามา ตัวมหาลัยก็เล็กๆ มีไม่กี่คณะ
Beppu Kaihin Sunayu
https://www.city.beppu.oita.jp/01onsen/02shiei/09kaihin/kaihin.html
ถือเป็นไฮไลท์เลยก็ว่าได้ คือออนเซ็นแบบแช่ทรายดำ
ตอนแรกก็อาบน้ำก่อน แล้วก็ไปนอนตรงทรายดำและเขาก็จะถมทับตัวเราให้
ซักพักก็เอาออกและไปอาบน้ำ ตรงที่นอนเป็นทรายหาด เห็นทะเลด้วย
Beppu Jigoku Meguri
http://www.beppu-jigoku.com/
ก็เป็นการไปดูบ่อออนเซ็นหลายๆแบบ ทั้งบ่อน้ำแดงที่เรียกว่าบ่อเลือด น้ำโคลนสีเทา น้ำสีฟ้า
บางที่มีน้ำตก น้ำพุ บางที่มีให้แช่เท้า บางที่มีไข่ต้มให้ซื้อกิน บางที่มีเลี้ยงสัตว์เช่นจระเข้
บางที่ก็มีศาลเจ้าอยู่ใกล้ๆ และบางที่ก็มีไอขึ้นเยอะมาก จนแทบเดินไม่ได้เลย
Jigoku Mushi
http://www.city.beppu.oita.jp/06sisetu/annai/11kankou/11-17jikgokumushi.html
เป็นการทำอาหารโดยนึ่งจากไอน้ำจากออนเซ็น เมนูก็มีซีฟู้ด เนื้อสัตว์ ผักต่างๆ
แต่ละเมนูก็มีเวลาในการนึ่งต่างกัน เราจะได้ไปนึ่งกันเองเลยเป็นหม้อนึ่งแบบไม้สาน
ใกล้ๆ ร้านมีออนเซ็นเท้าด้วย มีไม้ที่อบเท้า ซึ่งน้ำร้อนมาก
Khaosan Beppu
http://www.khaosan-tokyo.com/ja/beppu/
โรงแรมในเครือข้าวสาร ที่เจ้าของชอบซอยข้าวสารของไทย
ที่พักมีออนเซ็น ซึ่งเราก็ไปทำวีรกรรม คือทำกุญแจห้องตกไปในตะแกรงไม้หน้าห้องอาบน้ำ
แต่สุดท้ายก็หยิบได้ โชคดี ไม่งั้นต้องเสียเงินค่าทำกุญแจหาย
แล้วก็มีบาร์ด้วย เลยได้ไปดื่มกันเล็กน้อย
ส่วนครั้งก่อนหน้านี้ พักบ้านเพื่อนของเพื่อนที่เรียนอยู่ที่นั่น
ครั้งแรกจาก Beppu ไปต่อ Kobe โดยขึ้นเรือ นอนคืนนึงถึงเช้า
เรือใหญ่มากมีห้องอาบน้ำ ส่วนขายอาหาร ฯลฯ แต่นอนห้องรวม แบบปูฟูกนอนกับพื้น
ส่วนครั้งที่สองนั่งรถไฟไป Nagasaki ต่อ
จังหวัดนี้ อยากไปเมือง Yufuin อีก แล้วก็อยากนั่งรถไฟสายสวยๆ ด้วย
ตำแหน่ง:
เบปปุ จังหวัดโออิตะ ญี่ปุ่น
[OKINAWA] ดูฉลามวาฬ เที่ยวไร่สับปะรด ปราสาทริวกิว
Okinawa เกาะในฝันที่หลายๆ คนอยากจะไปเยือน ตั้งอยู่ทางใต้สุดของญี่ปุ่น
มีวัฒนธรรมเฉพาะของตัวเอง และอากาศก็ไม่หนาวมากเหมือนจังหวัดอื่นของญี่ปุ่น
ที่สำคัญทะเลสวย และมีที่น่าเที่ยวเยอะมาก ครั้งนี้เราก็ไปได้ไปเที่ยวตอนธ.ค.51
http://www.pref.okinawa.jp/
http://www.okinawastory.jp/
จาก Nagoya นั่งเครื่องบินมาลง Okinawa ที่เมือง Naha ค่าตั๋ว 16,600 เยน 2 ชั่วโมงกว่า
ลงเครื่องแล้วลองดูทัวร์ที่สนามบินและจองไปเที่ยว Aquarium ราคา 1,800 เยน
แล้วก็นั่ง Mono Rail ชื่อ Yui Rail http://www.yui-rail.co.jp/ ไปเก็บของที่ที่พักก่อน
Kokusai Dori
http://www.okinawakokusai.net/
หรือถนนนานาชาติ ก็มีร้านค้ามากมาย บางวันจะปิดถนนมีการแสดง
อาหารที่ขึ้นชื่อก็มี Taco-Rice ข้าวที่มีเนื้อสัตว์สับ ชีส ผักกาดซอยและมะเขือเทศ
หากินได้ทั่วไป แต่ที่ถนนนานาชาตินี้ก็มีร้านที่อร่อยเหมือนกัน
Sunset Beach
http://www.uminikansya.com/
นั่งรถบัสมา วิวข้างทางรู้สึกว่าคล้ายอเมริกามาก คงเพราะคนอเมริกาเคยมาตั้งฐานทัพที่นี่
ก็มีทะเลนั่งชิวๆ ดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
American Village
http://www.okinawa-americanvillage.com/
เดินไปจาก Sunset Beach ได้ ใกล้ๆ มี Outlet ด้วย
ส่วนตัวหมู่บ้านก็มีของกิน มีชิงช้าสวรรค์และประดับไฟคริสต์มาสด้วย
Okinawa Churaumi Aquarium
http://oki-churaumi.jp/
คิดถูกแล้วที่ซื้อทัวร์ เพราะอยู่ไกลจากเมือง Naha คงไปยาก รถบัสทัวร์มารับแถวโรงแรมเลย
ที่นี่มีแทงก์น้ำใหญ่มาก มีฉลามวาฬ ซึ่งน่าตื่นตาตื่นใจมาก แต่ส่วนอื่นๆ ก็ปกติ
มีเต่า พะยูน ฉลามเหมือนพิพิฒภัณฑ์สัตว์น้ำทั่วไป และโชว์ปลาโลมาก็ไม่ค่อยดีเท่าไร
Pineapple Park
ไม่แน่ใจว่าไปสวนชื่ออะไร เพราะซื้อมากับทัวร์
ส่วนตัวชอบสัปปะรดอยู่แล้ว แต่สับปะรดที่นี่เล็ก ร้านขายของฝากมีผลิตภัณฑ์มากมาย
Shurijo
http://oki-park.jp/shurijo/
ขึ้นรถบัสมา ตรงทางเดินมาตัวปราสาทจะมีกำแพงหินก่อสูงมากๆ
ส่วนตัวปราสาทหน้าเป็นสีแดง มีรูปปั้นสิงโตสัญลักษณ์ให้เห็นอยู่ประปราย
จะมีส่วนที่ชมวิวเมืองอยู่ตรงที่สูงด้วย ลมแรงอีกเช่นเคย
Stella Resort
http://www.stella-cg.com/index.html
ตอนนี้รู้สึกจะปรับปรุงใหม่แล้ว แต่ตอนที่เราไปมันเก่ามากๆ
อยู่ตรงถนนนานาชาติ เข้าซอยไปคล้ายๆ ตลาดบ้านเราเลย
ตอนเราไปนอนห้องที่เจาะผนังให้เป็นรูให้มีที่นอนข้างล่างข้างบน แล้วมีม่านปิด
ห้องอาบน้ำก็อยู่ข้างนอก แต่ก็สมกับราคา 1,500 เยน
หลังจากที่ออกจาก Shurijo ตอนแรกว่าจะไปหมู่บ้านวัฒนธรรมริวกิว แต่ไม่ได้ไป
เลยเดินดูของและรอเวลาไปขึ้นเครื่องเพื่อไป Nagasaki ต่อ ราคา 13,100 เยน ชั่วโมงกว่าๆ
ที่ Okinawa นี่ถ้าไม่มีรถจะเดินทางค่อนข้างยาก แถมยังมีเกาะน้ำทะเลสวยๆ ที่ยังไม่ได้ไป
คราวหน้าต้องไปเช่ารถขับแล้ว
มีวัฒนธรรมเฉพาะของตัวเอง และอากาศก็ไม่หนาวมากเหมือนจังหวัดอื่นของญี่ปุ่น
ที่สำคัญทะเลสวย และมีที่น่าเที่ยวเยอะมาก ครั้งนี้เราก็ไปได้ไปเที่ยวตอนธ.ค.51
http://www.pref.okinawa.jp/
http://www.okinawastory.jp/
จาก Nagoya นั่งเครื่องบินมาลง Okinawa ที่เมือง Naha ค่าตั๋ว 16,600 เยน 2 ชั่วโมงกว่า
ลงเครื่องแล้วลองดูทัวร์ที่สนามบินและจองไปเที่ยว Aquarium ราคา 1,800 เยน
แล้วก็นั่ง Mono Rail ชื่อ Yui Rail http://www.yui-rail.co.jp/ ไปเก็บของที่ที่พักก่อน
Kokusai Dori
http://www.okinawakokusai.net/
หรือถนนนานาชาติ ก็มีร้านค้ามากมาย บางวันจะปิดถนนมีการแสดง
อาหารที่ขึ้นชื่อก็มี Taco-Rice ข้าวที่มีเนื้อสัตว์สับ ชีส ผักกาดซอยและมะเขือเทศ
หากินได้ทั่วไป แต่ที่ถนนนานาชาตินี้ก็มีร้านที่อร่อยเหมือนกัน
Sunset Beach
http://www.uminikansya.com/
นั่งรถบัสมา วิวข้างทางรู้สึกว่าคล้ายอเมริกามาก คงเพราะคนอเมริกาเคยมาตั้งฐานทัพที่นี่
ก็มีทะเลนั่งชิวๆ ดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า
American Village
http://www.okinawa-americanvillage.com/
เดินไปจาก Sunset Beach ได้ ใกล้ๆ มี Outlet ด้วย
ส่วนตัวหมู่บ้านก็มีของกิน มีชิงช้าสวรรค์และประดับไฟคริสต์มาสด้วย
Okinawa Churaumi Aquarium
http://oki-churaumi.jp/
คิดถูกแล้วที่ซื้อทัวร์ เพราะอยู่ไกลจากเมือง Naha คงไปยาก รถบัสทัวร์มารับแถวโรงแรมเลย
ที่นี่มีแทงก์น้ำใหญ่มาก มีฉลามวาฬ ซึ่งน่าตื่นตาตื่นใจมาก แต่ส่วนอื่นๆ ก็ปกติ
มีเต่า พะยูน ฉลามเหมือนพิพิฒภัณฑ์สัตว์น้ำทั่วไป และโชว์ปลาโลมาก็ไม่ค่อยดีเท่าไร
Pineapple Park
ไม่แน่ใจว่าไปสวนชื่ออะไร เพราะซื้อมากับทัวร์
ส่วนตัวชอบสัปปะรดอยู่แล้ว แต่สับปะรดที่นี่เล็ก ร้านขายของฝากมีผลิตภัณฑ์มากมาย
Shurijo
http://oki-park.jp/shurijo/
ขึ้นรถบัสมา ตรงทางเดินมาตัวปราสาทจะมีกำแพงหินก่อสูงมากๆ
ส่วนตัวปราสาทหน้าเป็นสีแดง มีรูปปั้นสิงโตสัญลักษณ์ให้เห็นอยู่ประปราย
จะมีส่วนที่ชมวิวเมืองอยู่ตรงที่สูงด้วย ลมแรงอีกเช่นเคย
Stella Resort
http://www.stella-cg.com/index.html
ตอนนี้รู้สึกจะปรับปรุงใหม่แล้ว แต่ตอนที่เราไปมันเก่ามากๆ
อยู่ตรงถนนนานาชาติ เข้าซอยไปคล้ายๆ ตลาดบ้านเราเลย
ตอนเราไปนอนห้องที่เจาะผนังให้เป็นรูให้มีที่นอนข้างล่างข้างบน แล้วมีม่านปิด
ห้องอาบน้ำก็อยู่ข้างนอก แต่ก็สมกับราคา 1,500 เยน
หลังจากที่ออกจาก Shurijo ตอนแรกว่าจะไปหมู่บ้านวัฒนธรรมริวกิว แต่ไม่ได้ไป
เลยเดินดูของและรอเวลาไปขึ้นเครื่องเพื่อไป Nagasaki ต่อ ราคา 13,100 เยน ชั่วโมงกว่าๆ
ที่ Okinawa นี่ถ้าไม่มีรถจะเดินทางค่อนข้างยาก แถมยังมีเกาะน้ำทะเลสวยๆ ที่ยังไม่ได้ไป
คราวหน้าต้องไปเช่ารถขับแล้ว
ตำแหน่ง:
จังหวัดโอะกินะวะ ญี่ปุ่น
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)